หลวงปู่เณรคํา ฉัตติโก ถูกแฉรวยเว่อร์ บ้านพ่อแม่ใหญ่โต-มี ฮ. ส่วนตัว
แฉ หลวงปู่เณรคำ ร่ำรวยอู้ฟู่ผิดปกติ บ้านพ่อแม่ใหญ่โตมโหฬาร มีเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัว แถมถวายรถป้ายแดงแด่พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ระดับเจ้าคณะภาค-สื่อนอกถามคนไทยรับพฤติกรรมอวดรวยของพระสงฆ์ได้ไหม ผิดวินัยสงฆ์หรือไม่
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2556 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าตรวจสอบบ้านพักของนายรัตน์ และนางสุดใจ สุขผล บิดาและมารดา พระวีรพล ฉัตติโก หรือ หลวงปู่เณรคำ ที่บ้านเลขที่ 999/10 บ้านทรายมูล หมู่ 2 ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามวัดประจำหมู่บ้าน มีเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ พบว่ามีความใหญ่โตมโหฬารกว่าบ้านทุกหลังบริเวณนั้น โดยในบ้านมีรถยนต์กับรถจักรยานยนต์ช็อปเปอร์จอดอยู่หลายคัน ขณะที่อีกส่วนสร้างเป็นที่ทำการมูลนิธิหลวงปู่เณรคำ
เมื่อพบกับหญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นผู้ดูแลบ้าน ระบุว่า พ่อแม่ของหลวงปู่เณรคำพักผ่อนอยู่ในบ้านและไม่ทราบเรื่องราวใด ๆ จึงไม่ขอให้ความเห็น ส่วนนางฟาน ดอนแก้ว ญาติห่าง ๆ และเป็นเพื่อนบ้าน เล่าว่า หลวงปู่เณรคำไม่ได้เดินทางมาที่บ้านแห่งนี้นานหลายเดือนแล้ว ส่วนตนเองก็ไม่ทราบเรื่องราวอะไรของหลวงปู่มากนักเพราะไม่ค่อยได้พูดคุยกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียง เล่าว่า เวลาหลวงปู่เณรคำเดินทางมาที่บ้านจะมีรถตำรวจท้องที่และตำรวจทางหลวงนำ โดยในขบวนจะมีแต่รถหรูราคาแพงนับสิบคัน เมื่อมาถึงก็จะขับรถเข้าไปจอดในบ้านโดยไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกับชาวบ้าน จึงไม่ทราบความเคลื่อนไหวของหลวงปู่ ทั้งนี้ ขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังสอบถามรายละเอียดจากเพื่อนบ้าน ปรากฏว่า น้องสะใภ้ของหลวงปู่เณรคำที่พักอยู่ในบ้านหรูดังกล่าว ได้ปิดประตูหน้าบ้านที่ทำด้วยสเตนเลสขนาดใหญ่โดยไม่ยอมให้รายละเอียดใด ๆ
นอกจากนี้ ทางด้าน พระครูวินัยธรธีรวิทย์ ฉนฺทวิชฺโช ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย วัดราชาธิวาส เปิดเผยว่า จากกรณีคลิปอื้อฉาวที่เกิดขึ้น ทางสำนักข่าวเอเอฟพีของประเทศฝรั่งเศส ได้โทรศัพท์มาสอบถามถึงเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับประเทศฝรั่งเศสด้วย และตัวหลวงปู่เณรคำปัจจุบันก็พักอาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส โดยสำนักข่าวฯ ถามว่า คนไทยคิดอย่างไรกับหลวงปู่เณรคำ รับการกระทำที่แสดงออกถึงการอวดร่ำอวดรวย อวดอุตริ ซึ่งผิดวิสัยของพระสงฆ์ได้หรือไม่ แล้วศีล 227 ข้อที่พระสงฆ์ โดยเฉพาะหลวงปู่เณรคำ ที่เป็นพระธรรมยุตขาดหรือยัง และพระผู้ปกครองจะลงโทษหรือไม่ ซึ่งตนได้อธิบายว่า เจ้าคณะปกครองจะต้องเรียกไปตักเตือน หรือดำเนินการลงโทษ เพราะอย่างน้อยการแสดงออกของหลวงปู่เณรคำก็ถือว่าผิดเสขิยวัตร ซึ่งหมายถึง วัตรที่ภิกษุจะต้องศึกษาธรรมเนียมเกี่ยวกับมารยาทที่ภิกษุพึงสำเหนียก หรือพึงฝึกฝนปฏิบัติ ให้พึงสำรวมกาย วาจา ใจ ส่วนท่าทีของศูนย์พิทักษ์ฯ ต่อกรณีของหลวงปู่เณรคำ จะมีการประชุมหารือเพื่อวางมาตรการเคลื่อนไหวต่อไป
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีการเผยแพร่รูปถ่ายหลวงปู่เณรคำ ได้ทำพิธีถวายรถยนต์หรู ยี่ห้อโตโยต้า คัมรี ป้ายแดง แด่พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ระดับเจ้าคณะภาค ซึ่งเป็นเจ้าคณะผู้ปกครอง จึงสอบถามไปยังพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ที่เข้าข่ายดังกล่าว แต่ปรากฏว่า ยังไม่ได้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังวัดภูเขาแก้ว ต.พิบูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่เณรคำบรรพชาเป็นสามเณรและเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดย พระระพีพบปณฑิโต พระลูกวัด กล่าวว่า หลวงปู่เณรคำไม่ได้บวชที่วัดภูเขาแก้วตามที่มีข่าวอ้างถึงในประวัติของหลวงปู่เณรคำ โดยวัดที่หลวงปู่เณรคำบวชน่าจะเป็นวัดศรีนวล บ้านอ่างศิลา ต.พิบูล อ.พิบูลมังสาหาร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดภูเขาแก้ว และมีพระครูพิพัฒน์สังฆกร เจ้าอาวาสวัดศรีนวล เป็นพระอุปัชฌาย์
ส่วนที่วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ภายหลังจากมีการเผยแพร่คลิปฉาว ปรากฏว่า บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา ไม่พบว่ามีพระเณรออกมาเดินให้เห็น มีญาติโยมเดินทางมาทำบุญบางตา ซึ่งเมื่อตรวจสอบภายในวัด พบว่ามีลานจอดเฮลิคอปเตอร์อยู่บริเวณทางเข้าวัดด้วย ซึ่งชาวบ้านในละแวกนั้นให้ข้อมูลว่ามักเห็นหลวงปู่นั่งเฮลิคอปเตอร์ที่มีตราประจำตัวมาส่งที่วัดเป็นประจำ
อย่างไรก็ดี วันนี้ (19 มิถุนายน 2556) เวลา 13.00 น. ทางกลุ่มพุทธศาสนิกชนไทยจะรวมตัวกันยื่นหนังสือต่อพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยาวรวิหาร ในฐานะกรรมการ มส. เพื่อให้เร่งตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของหลวงปู่เณรคำ พร้อมขอให้ลงโทษขั้นเด็ดขาดด้วย
วัดป่าขันติธรรมเงียบ-หลวงปู่เณรคำไปฝรั่งเศส (ไอเอ็นเอ็น)
วัดป่าขันติธรรม เงียบเหงา หลังคลิปหลวงปู่เณรคำ นั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวถูกเผยแพร่ ขณะที่เกจิดังเดินทางไปฝรั่งเศส
จากกรณีที่สื่อมวลชนทุกแขนง ได้นำเสนอข่าว หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ นั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว สวมแว่นตาดำราคาแพง ใช้ไอโฟน และถือกระเป๋าแบรนด์เนม ในขณะที่พระเณรที่เดินทางไปด้วย ก็ล้วนแต่มีของใช้ราคาแพงซึ่งเกินกว่าสมณเพศนั้น
ล่าสุด วันนี้ (17 มิถุนายน 2556) บรรยากาศที่วัดป่าขันติธรรม ค่อนข้างเงียบเหงามาก ไม่มีพระเณรคำออกมาเดิน ภายในบริเวณวัดมีป้ายชื่อ หลวงปู่เณรคำ บริษัท ขันติธรรมก้าวหน้า จำกัด ซึ่งจำหน่ายวัตถุมงคลติดอยู่และมีตู้รับบริจาคเงินจำนวนมากวางตั้งอยู่ทั่วบริเวณ ส่วนภายในภุฏิของวัดนั้น จะปูด้วยพรมสีเขียว มีรูปภาพของหลวงปู่เณรคำขนาดใหญ่ติดอยู่หลายภาพ แต่ไม่มีบรรดาชาวบ้าน หรือว่านักท่องเที่ยวเข้ามากราบไหว้พระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ตั้งอยู่ในบริเวณวัดแต่อย่างใด มีเพียงคนงานหญิง 2 - 3 คน ที่เฝ้าอยู่ในบริเวณวัด
ทั้งนี้ คนงานหญิงรายหนึ่ง กล่าวว่า หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เดินทางไปที่ประเทศฝรั่งเศส พร้อมด้วยพระสงฆ์ 10 รูป ส่วนเรื่องเกี่ยวกับรูปภาพต่าง ๆ รวมทั้งการนั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวนั้น ไม่ทราบเรื่องแต่อย่างใด ทราบเพียงว่า หลวงปู่เณรคำ จะนั่งเฮลิคอปเตอร์มาที่วัดป่าขันติธรรม เป็นประจำเท่านั้น โดยจะมีสนาม ฮ. อยู่บริเวณถนนเข้าวัด
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2556 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าตรวจสอบบ้านพักของนายรัตน์ และนางสุดใจ สุขผล บิดาและมารดา พระวีรพล ฉัตติโก หรือ หลวงปู่เณรคำ ที่บ้านเลขที่ 999/10 บ้านทรายมูล หมู่ 2 ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามวัดประจำหมู่บ้าน มีเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ พบว่ามีความใหญ่โตมโหฬารกว่าบ้านทุกหลังบริเวณนั้น โดยในบ้านมีรถยนต์กับรถจักรยานยนต์ช็อปเปอร์จอดอยู่หลายคัน ขณะที่อีกส่วนสร้างเป็นที่ทำการมูลนิธิหลวงปู่เณรคำ
เมื่อพบกับหญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นผู้ดูแลบ้าน ระบุว่า พ่อแม่ของหลวงปู่เณรคำพักผ่อนอยู่ในบ้านและไม่ทราบเรื่องราวใด ๆ จึงไม่ขอให้ความเห็น ส่วนนางฟาน ดอนแก้ว ญาติห่าง ๆ และเป็นเพื่อนบ้าน เล่าว่า หลวงปู่เณรคำไม่ได้เดินทางมาที่บ้านแห่งนี้นานหลายเดือนแล้ว ส่วนตนเองก็ไม่ทราบเรื่องราวอะไรของหลวงปู่มากนักเพราะไม่ค่อยได้พูดคุยกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียง เล่าว่า เวลาหลวงปู่เณรคำเดินทางมาที่บ้านจะมีรถตำรวจท้องที่และตำรวจทางหลวงนำ โดยในขบวนจะมีแต่รถหรูราคาแพงนับสิบคัน เมื่อมาถึงก็จะขับรถเข้าไปจอดในบ้านโดยไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกับชาวบ้าน จึงไม่ทราบความเคลื่อนไหวของหลวงปู่ ทั้งนี้ ขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังสอบถามรายละเอียดจากเพื่อนบ้าน ปรากฏว่า น้องสะใภ้ของหลวงปู่เณรคำที่พักอยู่ในบ้านหรูดังกล่าว ได้ปิดประตูหน้าบ้านที่ทำด้วยสเตนเลสขนาดใหญ่โดยไม่ยอมให้รายละเอียดใด ๆ
นอกจากนี้ ทางด้าน พระครูวินัยธรธีรวิทย์ ฉนฺทวิชฺโช ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย วัดราชาธิวาส เปิดเผยว่า จากกรณีคลิปอื้อฉาวที่เกิดขึ้น ทางสำนักข่าวเอเอฟพีของประเทศฝรั่งเศส ได้โทรศัพท์มาสอบถามถึงเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับประเทศฝรั่งเศสด้วย และตัวหลวงปู่เณรคำปัจจุบันก็พักอาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส โดยสำนักข่าวฯ ถามว่า คนไทยคิดอย่างไรกับหลวงปู่เณรคำ รับการกระทำที่แสดงออกถึงการอวดร่ำอวดรวย อวดอุตริ ซึ่งผิดวิสัยของพระสงฆ์ได้หรือไม่ แล้วศีล 227 ข้อที่พระสงฆ์ โดยเฉพาะหลวงปู่เณรคำ ที่เป็นพระธรรมยุตขาดหรือยัง และพระผู้ปกครองจะลงโทษหรือไม่ ซึ่งตนได้อธิบายว่า เจ้าคณะปกครองจะต้องเรียกไปตักเตือน หรือดำเนินการลงโทษ เพราะอย่างน้อยการแสดงออกของหลวงปู่เณรคำก็ถือว่าผิดเสขิยวัตร ซึ่งหมายถึง วัตรที่ภิกษุจะต้องศึกษาธรรมเนียมเกี่ยวกับมารยาทที่ภิกษุพึงสำเหนียก หรือพึงฝึกฝนปฏิบัติ ให้พึงสำรวมกาย วาจา ใจ ส่วนท่าทีของศูนย์พิทักษ์ฯ ต่อกรณีของหลวงปู่เณรคำ จะมีการประชุมหารือเพื่อวางมาตรการเคลื่อนไหวต่อไป
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีการเผยแพร่รูปถ่ายหลวงปู่เณรคำ ได้ทำพิธีถวายรถยนต์หรู ยี่ห้อโตโยต้า คัมรี ป้ายแดง แด่พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ระดับเจ้าคณะภาค ซึ่งเป็นเจ้าคณะผู้ปกครอง จึงสอบถามไปยังพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ที่เข้าข่ายดังกล่าว แต่ปรากฏว่า ยังไม่ได้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังวัดภูเขาแก้ว ต.พิบูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่เณรคำบรรพชาเป็นสามเณรและเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดย พระระพีพบปณฑิโต พระลูกวัด กล่าวว่า หลวงปู่เณรคำไม่ได้บวชที่วัดภูเขาแก้วตามที่มีข่าวอ้างถึงในประวัติของหลวงปู่เณรคำ โดยวัดที่หลวงปู่เณรคำบวชน่าจะเป็นวัดศรีนวล บ้านอ่างศิลา ต.พิบูล อ.พิบูลมังสาหาร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดภูเขาแก้ว และมีพระครูพิพัฒน์สังฆกร เจ้าอาวาสวัดศรีนวล เป็นพระอุปัชฌาย์
ส่วนที่วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ภายหลังจากมีการเผยแพร่คลิปฉาว ปรากฏว่า บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา ไม่พบว่ามีพระเณรออกมาเดินให้เห็น มีญาติโยมเดินทางมาทำบุญบางตา ซึ่งเมื่อตรวจสอบภายในวัด พบว่ามีลานจอดเฮลิคอปเตอร์อยู่บริเวณทางเข้าวัดด้วย ซึ่งชาวบ้านในละแวกนั้นให้ข้อมูลว่ามักเห็นหลวงปู่นั่งเฮลิคอปเตอร์ที่มีตราประจำตัวมาส่งที่วัดเป็นประจำ
อย่างไรก็ดี วันนี้ (19 มิถุนายน 2556) เวลา 13.00 น. ทางกลุ่มพุทธศาสนิกชนไทยจะรวมตัวกันยื่นหนังสือต่อพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยาวรวิหาร ในฐานะกรรมการ มส. เพื่อให้เร่งตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของหลวงปู่เณรคำ พร้อมขอให้ลงโทษขั้นเด็ดขาดด้วย
แฉซ้ำ ! หลวงปู่เณรคำ สร้างบ้านให้สีกา-ไม่ขออนุญาตสร้าง พระแก้วมรกต
อดีตพ่อตา หลวงปู่เณรคำ แฉหลวงปู่สร้างบ้านให้สีกาที่ได้เสียกันมานานแล้ว เผยขับรถเบนซ์มาหาและชอบดื่มเหล้าเมาสุรา ด้าน พศ. เผย หลวงปู่เณรคำ ไม่ได้ขออนุญาตสร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ ขณะที่กรมศิลป์เตรียมส่งหนังสือแจ้งให้มาขออนุญาตจัดสร้างพระแก้วมรกตให้ถูกต้อง
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2556 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านหลังหนึ่ง ใน อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ หลังจากได้รับแจ้งว่า หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก พระสงฆ์ที่กำลังตกเป็นข่าวฉาวอยู่ในขณะนี้ ได้ไปสร้างบ้านไว้ที่นั่น 1 หลังให้กับสีกา
เมื่อไปถึงพบบ้านหลังใหญ่ลักษณะชั้นครึ่งปลูกอยู่ด้านหลังบ้านหลังเล็กที่อยู่ติดถนน โดยบ้านหลังใหญ่อยู่ลึกเข้าไปห่างจากถนนประมาณ 100 เมตร ซึ่งสร้างไปได้ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ เมื่อคำนวนด้วยสายตาคาดว่า หยุดสร้างไปนานไม่ต่ำกว่า 2 ปี
จากการสอบถาม นายถวิล จันพะวา เจ้าของที่ดิน เล่าว่า หลวงปู่เณรคำ แห่งสำนักสงฆ์วัดป่าสันติธรรม อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เป็นผู้สร้างไว้ โดยหลวงปู่เณรคำได้มาติดพันลูกสาวตนเมื่อประมาณปี 2546 ขณะที่เดินทางมาหาที่จะสร้างวัดป่า และได้รู้จักกับลูกสาว ซึ่งขณะนั้นลูกสาวเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จนกระทั่งได้เสียกัน พร้อมกับมาสร้างบ้านไว้ให้ โดยบ้านหลังนี้หมดเงินประมาณ 2 ล้านกว่าบาทแล้ว และหลวงปู่ได้รับปากกับตนว่า จะอยู่ในผ้าเหลืองอีก 3 ปี แล้วจะสึกมาอยู่กินกับลูกสาวตน แต่เมื่อครบ 3 ปีแล้ว ก็ยังไม่ยอมสึก ยืดเวลาไปอีกเรื่อย ๆลูกสาวตนก็ต้องการที่จะมีครอบครัวเป็นตัวเป็นตน ไปไหนมาไหนจะได้ไม่อายเขาแต่พระบ่ายเบี่ยงมาเรื่อย จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาก็หายหน้าไปเลย ไม่ได้ให้เงินมาสร้างบ้านต่อและทิ้งลูกสาวตนไป ลูกสาวตนจึงแต่งงานกับผู้ชายอีกคน
นอกจากนี้ นายถวิล กล่าวด้วยว่า เท่าที่ดูจะชอบดื่มเหล้าด้วย เวลามาหาลูกสาวจะขับรถเบนซ์มาเอง และมีเหล้าติดมาครั้งละ 2-3 ขวดทุกครั้ง บางครั้งขับรถมาในสภาพเมาจนต้องหามลงจากรถเลยก็มี
ขณะที่ทางด้าน นายถาณุ สุขวัลลิ โฆษกฝ่ายฆราวาสประจำตัวหลวงปู่เณรคำฉัตติโก ได้กล่าวปฏิเสธว่า หลวงปู่เณรคำไม่ได้เป็นผู้สร้างบ้านหลังดังกล่าวแน่นอน เพราะเมื่อปี 2546 หลวงปู่เณรคำยังอายุเพียง 24 ปี และเริ่มมีผู้ศรัทธา รวมทั้งบริจาคเงินให้วัดตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา และช่วงที่มีการบริจาคเงินมาที่สำนักสงฆ์วัดป่าสันติธรรมมากที่สุดคือช่วงปี 2552-2553 ดังนั้นช่วงปี 2546 หลวงปู่เณรคำจึงยังไม่สามารถสร้างบ้านให้ใครได้แน่นอน และเท่าที่ตรวจสอบข้อมูลบ้านหลังดังกล่าวมีพระสร้างขึ้นมาจริง แต่เป็นพระรูปอื่นไม่ใช่หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก
ส่วนกรณีที่สำนักสงฆ์วัดป่าสันติธรรมได้มีการก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองนั้น พระพุทธมณีมหารัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปสำคัญ 1 ใน 61 รายการ ที่มีระเบียบว่า การจำลองจะต้องขออนุญาตจากกรมศิลปากรและจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเช่นสำนักพระราชวัง แต่จากการตรวจสอบไปยังทะเบียนของสำนักช่างสิบหมู่ พบว่า ทางสำนักสงฆ์วัดป่าสันติธรรมไม่ได้ดำเนินการขออนุญาตเข้ามา อีกทั้งทางสำนักพระราชวังยังได้หารือมายังกรมศิลปากรว่า ให้ช่วยดูแลการจำลองพระพุทธรูปสำคัญเพราะปัจจุบันมีการนำไปจัดสร้างโดยไม่ได้ผ่านการรับอนุญาตมากขึ้น อย่างไรก็ดี ระเบียบดังกล่าวไม่มีข้อกำหนดโทษ เนื่องจากไม่ได้เป็นข้อกำหนดในพระราชบัญญัติ
ทั้งนี้ ในเว็บไซต์หลวงปู่เณรคำดอทคอม อ้างถึงเหตุในการจัดสร้างพระแก้วมรกตจำลองใหญ่ที่สุดในโลก โดยอิงกับอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ว่า "คืนวันอาทิตย์ที่ 4 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 เวลาตี 2 ท้าวสักกะเทวราช มหาราชองค์อินทร์ มหาราช จอมเทวดา ผู้ยิ่งใหญ่กว่าเทวดาทั้งหลาย ได้มาอาราธนานิมนต์ให้หลวงปู่เณรคำ นำพาสาธุชนได้ร่วมกันสร้างองค์พระแก้วมรกตจำลอง หน้าตักกว้าง 15 เมตร สูง 18 เมตร โดยมหาราชองค์อินทร์จะเป็นผู้ช่วยอำนวยการสร้างให้ราบรื่น ให้แล้วเสร็จด้วยพลังใจ พลังจิตอันยิ่งใหญ่ ทั้งเทวดา มนุษย์มิตรทั้งหลาย" โดยพระแก้วมรกตองค์นี้ หลวงปู่เณรคำระบุว่าจะใช้เงินที่จะรับบริจาคจากญาติโยมเป็นงบประมาณในการก่อสร้างถึง 150 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการสร้างพระแก้วมรกตโดยไม่ขออนุญาตนี้ ก็ทำให้เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2556 นายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากร ออกมาระบุว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งทำหนังสือ เพื่อแจ้งให้วัดป่าขันติธรรมรับทราบว่าการดำเนินการจัดสร้างดังกล่าวไม่ถูกต้องตามขั้นตอนแล้ว ซึ่งทางสำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี ซึ่งกำกับดูแลพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จ.อำนาจเจริญ จ.มุกดาหาร และ จ.ยโสธร จะนำหนังสือฉบับนี้ไปให้วัดป่าขันติธรรม ภายในวันที่ 26 มิถุนายน เพื่อให้ทางวัดเร่งดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้ถูกต้องตามระเบียบที่กำหนดไว้ โดยต้องทำเรื่องขออนุญาตให้ถูกต้อง
ทั้งนี้ อธิบดีกรมศิลปากร ยังระบุด้วยว่า ทางกรมไม่มีอำนาจสั่งห้าม หรือชะลอการจัดสร้างดังกล่าว เพราะไม่ได้กำหนดบทลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนไว้
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2556 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านหลังหนึ่ง ใน อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ หลังจากได้รับแจ้งว่า หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก พระสงฆ์ที่กำลังตกเป็นข่าวฉาวอยู่ในขณะนี้ ได้ไปสร้างบ้านไว้ที่นั่น 1 หลังให้กับสีกา
เมื่อไปถึงพบบ้านหลังใหญ่ลักษณะชั้นครึ่งปลูกอยู่ด้านหลังบ้านหลังเล็กที่อยู่ติดถนน โดยบ้านหลังใหญ่อยู่ลึกเข้าไปห่างจากถนนประมาณ 100 เมตร ซึ่งสร้างไปได้ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ เมื่อคำนวนด้วยสายตาคาดว่า หยุดสร้างไปนานไม่ต่ำกว่า 2 ปี
จากการสอบถาม นายถวิล จันพะวา เจ้าของที่ดิน เล่าว่า หลวงปู่เณรคำ แห่งสำนักสงฆ์วัดป่าสันติธรรม อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เป็นผู้สร้างไว้ โดยหลวงปู่เณรคำได้มาติดพันลูกสาวตนเมื่อประมาณปี 2546 ขณะที่เดินทางมาหาที่จะสร้างวัดป่า และได้รู้จักกับลูกสาว ซึ่งขณะนั้นลูกสาวเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จนกระทั่งได้เสียกัน พร้อมกับมาสร้างบ้านไว้ให้ โดยบ้านหลังนี้หมดเงินประมาณ 2 ล้านกว่าบาทแล้ว และหลวงปู่ได้รับปากกับตนว่า จะอยู่ในผ้าเหลืองอีก 3 ปี แล้วจะสึกมาอยู่กินกับลูกสาวตน แต่เมื่อครบ 3 ปีแล้ว ก็ยังไม่ยอมสึก ยืดเวลาไปอีกเรื่อย ๆลูกสาวตนก็ต้องการที่จะมีครอบครัวเป็นตัวเป็นตน ไปไหนมาไหนจะได้ไม่อายเขาแต่พระบ่ายเบี่ยงมาเรื่อย จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาก็หายหน้าไปเลย ไม่ได้ให้เงินมาสร้างบ้านต่อและทิ้งลูกสาวตนไป ลูกสาวตนจึงแต่งงานกับผู้ชายอีกคน
นอกจากนี้ นายถวิล กล่าวด้วยว่า เท่าที่ดูจะชอบดื่มเหล้าด้วย เวลามาหาลูกสาวจะขับรถเบนซ์มาเอง และมีเหล้าติดมาครั้งละ 2-3 ขวดทุกครั้ง บางครั้งขับรถมาในสภาพเมาจนต้องหามลงจากรถเลยก็มี
ขณะที่ทางด้าน นายถาณุ สุขวัลลิ โฆษกฝ่ายฆราวาสประจำตัวหลวงปู่เณรคำฉัตติโก ได้กล่าวปฏิเสธว่า หลวงปู่เณรคำไม่ได้เป็นผู้สร้างบ้านหลังดังกล่าวแน่นอน เพราะเมื่อปี 2546 หลวงปู่เณรคำยังอายุเพียง 24 ปี และเริ่มมีผู้ศรัทธา รวมทั้งบริจาคเงินให้วัดตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา และช่วงที่มีการบริจาคเงินมาที่สำนักสงฆ์วัดป่าสันติธรรมมากที่สุดคือช่วงปี 2552-2553 ดังนั้นช่วงปี 2546 หลวงปู่เณรคำจึงยังไม่สามารถสร้างบ้านให้ใครได้แน่นอน และเท่าที่ตรวจสอบข้อมูลบ้านหลังดังกล่าวมีพระสร้างขึ้นมาจริง แต่เป็นพระรูปอื่นไม่ใช่หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก
ส่วนกรณีที่สำนักสงฆ์วัดป่าสันติธรรมได้มีการก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองนั้น พระพุทธมณีมหารัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปสำคัญ 1 ใน 61 รายการ ที่มีระเบียบว่า การจำลองจะต้องขออนุญาตจากกรมศิลปากรและจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเช่นสำนักพระราชวัง แต่จากการตรวจสอบไปยังทะเบียนของสำนักช่างสิบหมู่ พบว่า ทางสำนักสงฆ์วัดป่าสันติธรรมไม่ได้ดำเนินการขออนุญาตเข้ามา อีกทั้งทางสำนักพระราชวังยังได้หารือมายังกรมศิลปากรว่า ให้ช่วยดูแลการจำลองพระพุทธรูปสำคัญเพราะปัจจุบันมีการนำไปจัดสร้างโดยไม่ได้ผ่านการรับอนุญาตมากขึ้น อย่างไรก็ดี ระเบียบดังกล่าวไม่มีข้อกำหนดโทษ เนื่องจากไม่ได้เป็นข้อกำหนดในพระราชบัญญัติ
ทั้งนี้ ในเว็บไซต์หลวงปู่เณรคำดอทคอม อ้างถึงเหตุในการจัดสร้างพระแก้วมรกตจำลองใหญ่ที่สุดในโลก โดยอิงกับอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ว่า "คืนวันอาทิตย์ที่ 4 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 เวลาตี 2 ท้าวสักกะเทวราช มหาราชองค์อินทร์ มหาราช จอมเทวดา ผู้ยิ่งใหญ่กว่าเทวดาทั้งหลาย ได้มาอาราธนานิมนต์ให้หลวงปู่เณรคำ นำพาสาธุชนได้ร่วมกันสร้างองค์พระแก้วมรกตจำลอง หน้าตักกว้าง 15 เมตร สูง 18 เมตร โดยมหาราชองค์อินทร์จะเป็นผู้ช่วยอำนวยการสร้างให้ราบรื่น ให้แล้วเสร็จด้วยพลังใจ พลังจิตอันยิ่งใหญ่ ทั้งเทวดา มนุษย์มิตรทั้งหลาย" โดยพระแก้วมรกตองค์นี้ หลวงปู่เณรคำระบุว่าจะใช้เงินที่จะรับบริจาคจากญาติโยมเป็นงบประมาณในการก่อสร้างถึง 150 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการสร้างพระแก้วมรกตโดยไม่ขออนุญาตนี้ ก็ทำให้เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2556 นายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากร ออกมาระบุว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งทำหนังสือ เพื่อแจ้งให้วัดป่าขันติธรรมรับทราบว่าการดำเนินการจัดสร้างดังกล่าวไม่ถูกต้องตามขั้นตอนแล้ว ซึ่งทางสำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี ซึ่งกำกับดูแลพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จ.อำนาจเจริญ จ.มุกดาหาร และ จ.ยโสธร จะนำหนังสือฉบับนี้ไปให้วัดป่าขันติธรรม ภายในวันที่ 26 มิถุนายน เพื่อให้ทางวัดเร่งดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้ถูกต้องตามระเบียบที่กำหนดไว้ โดยต้องทำเรื่องขออนุญาตให้ถูกต้อง
ทั้งนี้ อธิบดีกรมศิลปากร ยังระบุด้วยว่า ทางกรมไม่มีอำนาจสั่งห้าม หรือชะลอการจัดสร้างดังกล่าว เพราะไม่ได้กำหนดบทลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนไว้
หลวงปู่เณรคํา ไปฝรั่งเศส ยังไม่แจงคลิปพระนั่งเครื่องบินส่วนตัว
วัดป่าขันติธรรมเงียบ-หลวงปู่เณรคำไปฝรั่งเศส (ไอเอ็นเอ็น)
วัดป่าขันติธรรม เงียบเหงา หลังคลิปหลวงปู่เณรคำ นั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวถูกเผยแพร่ ขณะที่เกจิดังเดินทางไปฝรั่งเศส
จากกรณีที่สื่อมวลชนทุกแขนง ได้นำเสนอข่าว หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ นั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว สวมแว่นตาดำราคาแพง ใช้ไอโฟน และถือกระเป๋าแบรนด์เนม ในขณะที่พระเณรที่เดินทางไปด้วย ก็ล้วนแต่มีของใช้ราคาแพงซึ่งเกินกว่าสมณเพศนั้น
ล่าสุด วันนี้ (17 มิถุนายน 2556) บรรยากาศที่วัดป่าขันติธรรม ค่อนข้างเงียบเหงามาก ไม่มีพระเณรคำออกมาเดิน ภายในบริเวณวัดมีป้ายชื่อ หลวงปู่เณรคำ บริษัท ขันติธรรมก้าวหน้า จำกัด ซึ่งจำหน่ายวัตถุมงคลติดอยู่และมีตู้รับบริจาคเงินจำนวนมากวางตั้งอยู่ทั่วบริเวณ ส่วนภายในภุฏิของวัดนั้น จะปูด้วยพรมสีเขียว มีรูปภาพของหลวงปู่เณรคำขนาดใหญ่ติดอยู่หลายภาพ แต่ไม่มีบรรดาชาวบ้าน หรือว่านักท่องเที่ยวเข้ามากราบไหว้พระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ตั้งอยู่ในบริเวณวัดแต่อย่างใด มีเพียงคนงานหญิง 2 - 3 คน ที่เฝ้าอยู่ในบริเวณวัด
ทั้งนี้ คนงานหญิงรายหนึ่ง กล่าวว่า หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เดินทางไปที่ประเทศฝรั่งเศส พร้อมด้วยพระสงฆ์ 10 รูป ส่วนเรื่องเกี่ยวกับรูปภาพต่าง ๆ รวมทั้งการนั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวนั้น ไม่ทราบเรื่องแต่อย่างใด ทราบเพียงว่า หลวงปู่เณรคำ จะนั่งเฮลิคอปเตอร์มาที่วัดป่าขันติธรรม เป็นประจำเท่านั้น โดยจะมีสนาม ฮ. อยู่บริเวณถนนเข้าวัด
อายัดบัญชี หลวงปู่เณรคำ 200 ล้าน เล็งออกหมายจับฐานฉ้อโกง
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก luangpunenkham.com
ดีเอสไอ ประสาน ปปง. หาหลักฐานเอาผิด หลวงปู่เณรคำ ข้อหาฉ้อโกง เตรียมอายัดบัญชี 200 ล้านบาท พร้อมชงเป็นคดีพิเศษ เพื่อเอาผิด หลวงปู่เณรคำ ทางอาญา
วันนี้ (3 กรกฎาคม 2556) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงข่าวความคืบหน้ากรณี หลวงปู่เณรคำ ว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ทำการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และการกระทำที่อาจเข้าข่ายขัดต่อพระธรรมวินัย ของ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก หรือ พระวิรพล สุขผล ประธานสำนักสงฆ์ขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งพบเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 200 ล้านบาท
โดยในวันพรุ่งนี้ดีเอสไอจะประสานไปยัง ปปง. เพื่อขอข้อมูลมาดำเนินการในคดีอาญา และขออนุมัติเป็นคดีพิเศษ และจะมอบหมายให้ พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดี ดีเอสไอ เป็นผู้ดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริง
ขณะที่ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผู้บังคับการปราบปราม ร่วมกับ พ.ต.ท. ธีรพงษ์ ดุลยวิจารณ์ ผู้อำนวยการปฏิบัติราชการแทน ผู้อำนวยการกองข่าวกองทางการเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ได้ร่วมกันแถลงผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการทำธุรกรรมทางการเงินของ หลวงปู่เณรคำ โดยพบว่า มีความผิดปกติของเงินในบัญชีธนาคารจำนวน 16 บัญชี มีเงินเคลื่อนไหวกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งเป็นบัญชีชื่อ หลวงปู่เณรคำ 5-6 บัญชี จึงเร่งรวบรวมหลักฐานเพื่ออายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อตรวจสอบ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก luangpunenkham.com
ดีเอสไอ ประสาน ปปง. หาหลักฐานเอาผิด หลวงปู่เณรคำ ข้อหาฉ้อโกง เตรียมอายัดบัญชี 200 ล้านบาท พร้อมชงเป็นคดีพิเศษ เพื่อเอาผิด หลวงปู่เณรคำ ทางอาญา
วันนี้ (3 กรกฎาคม 2556) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงข่าวความคืบหน้ากรณี หลวงปู่เณรคำ ว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ทำการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และการกระทำที่อาจเข้าข่ายขัดต่อพระธรรมวินัย ของ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก หรือ พระวิรพล สุขผล ประธานสำนักสงฆ์ขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งพบเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 200 ล้านบาท
โดยในวันพรุ่งนี้ดีเอสไอจะประสานไปยัง ปปง. เพื่อขอข้อมูลมาดำเนินการในคดีอาญา และขออนุมัติเป็นคดีพิเศษ และจะมอบหมายให้ พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดี ดีเอสไอ เป็นผู้ดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริง
ขณะที่ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผู้บังคับการปราบปราม ร่วมกับ พ.ต.ท. ธีรพงษ์ ดุลยวิจารณ์ ผู้อำนวยการปฏิบัติราชการแทน ผู้อำนวยการกองข่าวกองทางการเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ได้ร่วมกันแถลงผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการทำธุรกรรมทางการเงินของ หลวงปู่เณรคำ โดยพบว่า มีความผิดปกติของเงินในบัญชีธนาคารจำนวน 16 บัญชี มีเงินเคลื่อนไหวกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งเป็นบัญชีชื่อ หลวงปู่เณรคำ 5-6 บัญชี จึงเร่งรวบรวมหลักฐานเพื่ออายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อตรวจสอบ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
การแสดงความคิดเห็นของบล็อกประเพณีไทย จะมีการตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น
ควรใช้คำพูดที่สุภาพและเหมาะสม ก่อนที่จะทำการแสดงความคิดเห็นของท่านสู่ที่สาธารณะ งดคำหลาบ คำว่าร้ายทุกกรณี หรืออื่นๆที่ทีมงานเห็นว่าไม่ดีไม่งาม
ขอลบทันทีโดยไม่บอกกล่าวหรือแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ขอบคุณครับ
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น