ทำ อย่างไร ให้ ลูก คลาน ที่นี่เลย พัฒนาการ คลาน
การคลานเป็นพัฒนาการที่สำคัญของเบบี้ เพราะเป็นพื้นฐานของการเดิน เนื่องจากต้องใช้กล้ามเนื้อหลายๆ ส่วน เช่น แขน ขา ลำตัว สะโพก ฯลฯ ในการทรงตัว ยิ่งลูกคลานได้ดีเท่าไหร่ พัฒนาการและการเรียนรู้ขั้นต่อไปของเขาก็จะดีตามเท่านั้น
เมื่อลูกถึงวัยคลาน
หลังจากที่ชันคอพลิกคว่ำพลิกหงายได้แล้ว พัฒนาการต่อไปของลูกก็คือการคืบและคลานตามลำดับ โดยธรรมชาติของเด็กเขามักจะมีความต้องการที่อยากจะเคลื่อนไหวร่างกายและเคลื่อนตัวเข้าหาเป้าหมายอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเด็กแต่ละคนจะมีวิธีการเคลื่อนตัวที่แตกต่างกันไป เช่น ค่อยๆ คืบไปข้างหน้า หรือทำท่าเหมือนคลานแต่ใช้ขาข้างใดข้างหนึ่งกระเถิบตัว หรือว่าคลานถอยหลังไม่ได้คลานไปข้างหน้า ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใดค่ะ เพราะถ้าหากลูกยังอยากที่จะเคลื่อนไหวร่างกาย และการขยับแขนขายังคงเท่ากันทั้ง 2 ข้างไม่ได้มีข้างใดข้างหนึ่งเคลื่อนที่ผิดปกติ หรือลูกไม่ยอมใช้ข้างใดข้างหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องกังวลค่ะ การคลานจะช่วยให้ลูกเกิดการเรียนรู้ที่มากกว่าการเคลื่อนไหวอย่างอื่น นั่นคือลูกสามารถเรียนรู้เรื่องของการควบคุมตัวเอง เรื่องปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ได้เรียนรู้คำสั่งของพ่อแม่ และที่สำคัญเมื่อลูกคลานได้ และคลานเป็นแล้วประสาทสัมผัสทั้ง 5 จะทำงานสัมพันธ์กับสมองส่งผลให้พัฒนาการทางร่างกายของลูกแข็งแรงค่ะ
ฝึกลูกคลานพ่อแม่ทำได้
คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยฝึกให้ลูกน้อยคลานได้ไม่ยุ่งยาก เป็นการช่วยกระตุ้นพัฒนาการและเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้กับลูกโดย 3 วิธีดังนี้
คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยฝึกให้ลูกน้อยคลานได้ไม่ยุ่งยาก เป็นการช่วยกระตุ้นพัฒนาการและเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้กับลูกโดย 3 วิธีดังนี้
1. ตั้งท่าเตรียมคลาน คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยเตรียมท่าทางให้กับลูกได้ โดยให้ลูกนอนคว่ำจากนั้นจัดท่าทางของเขาให้อยู่ในท่าที่กำลังจะคลาน ค่อยๆ ตั้งแขนและชันเข่าของลูกซึ่งคุณพ่ออาจจะประคองแล้วคุณแม่ทำหน้าที่เป็นกองเชียร์คอยเรียกให้ลูกไปหาด้วยอีกแรง
หรือในในกรณีที่ลูกชอบโหย่งตัว จะคลานก็ไม่คลานสักทีนั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถจัดท่าทางให้ลูกได้เลยค่ะ โดยฝึกให้ลูกเอาเข่าลง ค่อยๆ ให้ตั้งเข่าคลาน อาจจะให้ลูกได้เล่นของเล่นอยู่กับที่สักพัก จากนั้นจึงหยิบออกมาวางให้ห่างตัวลูกสักเล็กน้อย เพื่อให้ลูกได้เคลื่อนไหวตาม ซึ่งวิธีเหล่านี้ต้องค่อยๆ ทำนะคะ อย่าบังคับฝืนใจเพราะเด็กแต่ละคนความพร้อมไม่เหมือนกันค่ะ
2. กระตุ้นโดยการเรียกชื่อ เด็กวัย 6-7 เดือนสามารถเรียนรู้เรื่องปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างแล้วค่ะ เมื่อคุณพ่อคุณแม่เรียกชื่อลูก เขาจะรับรู้และเข้าใจในทันที การเรียกชื่อลูกจึงเป็นวิธีการกระตุ้นให้ลูกรู้สึกอยากคลานเข้ามาหา
3. ของเล่นและอุปกรณ์เสริม ไม่ว่าจะเป็นของเล่นที่ลูกชอบ ของเล่นที่มีเสียงหรือแม้แต่ใบหน้าของคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถนำมาเล่นกับลูกได้ อาจจะเอาของเล่นชิ้นโปรดของลูกมาหลอกล่อ หรือการเล่นจ๊ะเอ๋หรือเล่นซ่อนแอบกับลูกให้ลูกคอยมองหรือคอยหา เนื่องจากวัยนี้เป็นวัยที่เริ่มมองหาสิ่งของที่หายไปจากสายตา การใช้ของเล่นมาหลอกล่อจึงช่วยให้ลูกอยากคลานได้ค่ะ
จัดพื้นให้พร้อมคลาน
พื้นเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการเรื่องการคลานของลูก เขาจะรู้สึกอยากคลานหรือไม่ ส่วนหนึ่งก็อยู่ที่พื้นค่ะซึ่งคุณพ่อคุณแม่ต้องคำนึงถึงความสำคัญดังต่อไปนี้
1. ผิวสัมผัสที่เหมาะสม เด็กหลายๆ คนอาจมีความรู้สึกไม่อยากคลานเนื่องจากพื้นอาจจะแข็งเกินไปทำให้รู้สึกเจ็บ หรือลื่นเกินไป ทำให้คลานยากทรงตัวไม่ได้ เป็นต้น ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องหาผ้าหรือเบาะนิ่มๆ มาปูรองพื้นให้ลูกสักหน่อยนะคะ เขาจะได้รู้สึกสนุกและเพิ่มความอยากในการคลานมากยิ่งขึ้น
2. พื้นต้องสะอาด ความสะอาดของพื้นเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ บริเวณที่ลูกจะคลานต้องปราศจากเชื้อโรคต่างๆ ฝุ่นละอองสิ่งสกปรกต่างๆ เพราะแทบทุกส่วนของลูกจะต้องสัมผัสกับพื้นโอกาสที่เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายของลูกย่อมมีสูงหากไม่แน่ใจว่าสะอาดพอหรือยังก่อนวางลูกลงหรือให้ลูกเริ่มคลาน ควรทำความสะอาดพื้นให้เรียบร้อยก่อนค่ะ
3. ระวังอันตรายจากสิ่งของบนพื้น ไม่ว่าจะเป็นของชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ ยิ่งเจ้าตัวเล็กอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นหยิบจับอะไรเป็นต้องเอาเข้าปากหมด เพราะฉะนั้นก่อนที่จะให้ลูกลงพื้นสังเกตสักนิดว่าบนพื้นของเรานั้นมีสิ่งแปลกปลอมอยู่หรือไม่ เช่น เศษกระดุมหรือเศษสตางค์ที่เราทำหล่นไปโดยไม่ทันรู้ตัวหากมีต้องเก็บให้หมดก่อนค่ะ
ที่สำคัญควรให้ลูกได้มีประสบการณ์ในการคลานบ่อยๆ เพื่อให้ลูกมีพัฒนาการก้าวหน้าสมวัยค่ะ
จาก: รักลูก
โดย: เกื้อกูล
เรียบเรียงจากการสัมภาษณ์ พญ.สินดี จำเริญนุสิต กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรมโรงพยาบาลเวชธานี
โดย: เกื้อกูล
เรียบเรียงจากการสัมภาษณ์ พญ.สินดี จำเริญนุสิต กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรมโรงพยาบาลเวชธานี
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
การแสดงความคิดเห็นของบล็อกประเพณีไทย จะมีการตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น
ควรใช้คำพูดที่สุภาพและเหมาะสม ก่อนที่จะทำการแสดงความคิดเห็นของท่านสู่ที่สาธารณะ งดคำหลาบ คำว่าร้ายทุกกรณี หรืออื่นๆที่ทีมงานเห็นว่าไม่ดีไม่งาม
ขอลบทันทีโดยไม่บอกกล่าวหรือแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ขอบคุณครับ
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น