วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

ราคาทองวันที่ 21 เมษายน 2556 ราคาทองคำวันนี้ 21/4/56

ราคาทอง ราคาทองคำ ราคาทองคำวันนี้ 21 เมษายน 2556 ราคาทองวันที่ 21 เมษายน 2556
ราคาทอง 21 เมษายน 2556 
ราคาทองคำวันที่ 21 เมษายน 2556
ราคาทองคำ 21 เมษายน 2556
ราคาทองคํา 20 เมษายน 2556
ราคาทอง ราคาทองคําวันนี้ ราคาทองคำรูปพรรณ,ทองคำแท่ง ล่าสุด
ส่วนวันที่ 20 เมษายน 2556 ราคาอยู่ที่
ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a19,000.0019,100.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,235.0018,722.6019,500.00

ส่วนราคาทองวันที่ 21 เมษายน 2556 ราคาทองคำวันนี้ 21/4/56
อัพเดทราคาทองคำได้ที่ http://www.thlive.com/ราคาทองคําวันนี้

อัพเดทราคาทองคำ ในช่วงของแต่ละวัน ขอบคุณข้อมูลจาก ห้างขายทอง ทองใบเยาวราช
ราคาทองคำวันนี้ ทองคำแท่ง ทองคำรูปพรรณราคาทองคําวันนี้ ราคาทองวันนี้ ราคาทองย้อนหลังราคาทองคํา ข่าว ราคา ทอง วัน นี้ ราคา ทอง คํา วัน นี้ เยาวราช ราคา ทองไทย ราคา ทอง วัน พรุ่งนี้

วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556

ทรงผมชาย แบบทรงผมชาย หล่อ ทรงเท่ๆ ดูดี

ทรงผมชาย ทรงผมหล่อ เท่ห์ ดูดี
ทรงผมชาย ทรงผมหล่อ เท่ห์ ดูดี
ทรงผมชาย
ทรงผมมีส่วนทำให้บุคลิกดูดีขึ้น ถึงไม่หล่อ แต่การแต่งตัว ทรงผม พอดีและดูดี ก็สามารถทำให้คนไม่หล่อกลายเป็นคนที่ดูดีและมั่นใจในตัวเอง ทรงผมชาย

ทรงผมผู้ชาย
ทรงผมชาย

ทรงผมผู้ชาย 2013
ทรงผมผู้ชาย 2013 ทรงผมชาย ทรงผมผู้ชาย แบบผมสั้น ทรงผมสั้น ทรงผมผู้ชาย เปลี่ยนทรงผมผู้ชาย ทรงผมชาย ทรงผมชาย ทรงผมชาย 2013 ทรงผมผู้ชาย

ทรงผมผู้ชาย
ทรงผมชาย
ทรงผมผู้ชาย
ทรงผมชาย

ทรงผมชาย
ทรงผมชาย
ทรงผมชาย
ทรงผมชาย
ทรงผมชาย
ทรงผมชาย

ทรงผมชาย

ทรงผมชาย

ทรงผม (สั้น) ยอดฮิตหลากสไตล์ของหนุ่มๆ - แฟชั่นผม - ทรงผม - แบบผม - ทรงผมผู้ชาย - ทรงผมสั้นสุดฮิต
ส่วนใหญ่หนุ่ม ๆ หลายคนมักเลือกที่จะไว้ผมสั้นมากกว่าผมยาว นอกจากเรื่องของการดูแลรักษาที่ง่ายกว่ามากแล้ว ผมสั้นยังมีทรงผมแบบต่าง ๆ ให้เลือกเยอะกว่าผมยาวอีกด้วย แต่เอ...เชื่อว่าพอถึงเวลาที่จะไปตัดผมทีไร คุณคงต้องมานั่งปวดหัวกับการเลือกทรงผมอยู่บ่อยครั้ง ครั้นจะไว้แต่ทรงเดิมตลอดก็ดูน่าเบื่อแย่ ฉะนั้นเราเลยจัดการหาทรงผมยอดนิยมสำหรับคนผมสั้นมานำเสนอให้ได้ชมกันในวันนี้ค่ะ
 1. ทรงอันเดอร์คัท (Undercut)
หลายคนเคยได้ยินทรงอันเดอร์คัทมาหลายครั้งแล้ว แต่อาจยังนึกสงสัยอยู่ว่าจริง ๆ แล้วมันคือทรงผมแบบไหนกันแน่ ซึ่งก็คือการไถผมด้านข้างออกนั่นเอง เหลือไว้แต่ผมช่วงข้างหน้าและกลางศีรษะ ทั้งนี้ ปัจจุบันทรงอันเดอร์คัทก็กำลังเป็นที่นิยมทั้งในบ้านเราและต่างประเทศอยู่ค่อนข้างมาก มองไปทางไหนก็เห็นผู้ชายไว้ผมทรงนี้กันทั้งนั้น แถมยังจัดแต่งทรงผมได้ไม่ยาก หนุ่ม ๆ คนไหนอยากเท่แบบมีสไตล์เฉพาะตัวก็เลือกทรงนี้ได้เลย
ทรงผม (สั้น) ยอดฮิตหลากสไตล์ของหนุ่มๆ
ทรงผมชาย
ทรงผม (สั้น) ยอดฮิตหลากสไตล์ของหนุ่มๆ
ทรงผมชาย
2. ทรงสำหรับผู้ชายที่ผมหยักศก
สำหรับคนที่มีผมหยักศกก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยบกับเรื่องการเลือกทรงผมให้กับตัวเองมากเกินไปนะ เพราะเรามีทางเลือกดี ๆ ให้กับคุณเช่นเดียวกัน อันดับแรกให้คุณลองไปปรึกษาช่างทำผมดูก่อนว่าผมหยักศกประมาณนี้ควรจะไว้ทรงไหนถึงจะรับกับใบหน้ามากที่สุด ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วช่างอาจจะแนะนำให้คุณตัดผมให้สั้นขึ้นสักหน่อย และใช้อุปกรณ์จัดแต่งทรงผม เช่น เจล แว็กซ์ หรือมูส เข้ามาช่วยเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มมิติให้กับเส้นผมนั่นเอง ซึ่งจะจัดแต่งให้ออกมาเป็นแนวไหนก็ขึ้นอยู่กับคุณ แต่โดยมากแล้วมักจะแต่งให้ดูยุ่ง ๆ เซอร์ ๆ หน่อย แต่รับรองเลยว่าหล่อชัวร์
ทรงผม (สั้น) ยอดฮิตหลากสไตล์ของหนุ่มๆ - แฟชั่นผม - ทรงผม - แบบผม - ทรงผมผู้ชาย - ทรงผมสั้นสุดฮิต
ทรงผมชาย

ทรงผมชาย
3. ทรงเนี้ยบสไตล์นักธุรกิจ
โดยส่วนใหญ่แล้วการทำผมแบบเรียบเนี้ยบนี่จะเหมาะกับนักธุรกิจ หรือผู้ที่จะไปงานที่มีความเป็นทางการ ซึ่งต้องการให้ลุคของตัวเองดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ซึ่งวิธีการทำก็ไม่ยากเลย  เพียงแค่นำเจลหรือมูสมาชะโลมผมให้ทั่วแบบพอประมาณ แล้วหวีปาดให้เรียบ อาจจะปาดไปด้านข้างหรือด้านหลังก็ได้ขึ้นอยู่กับสไตล์ของแต่ละคน ที่สำคัญยังช่วยไม่ให้ผมลงมาปรกหน้าปรกตาให้รำคาญอีกด้วย
ทรงผม (สั้น) ยอดฮิตหลากสไตล์ของหนุ่มๆ - แฟชั่นผม - ทรงผม - แบบผม - ทรงผมผู้ชาย - ทรงผมสั้นสุดฮิต
ทรงผมชาย

ทรงผมชาย
 4. ทรงสำหรับหนุ่มเซอร์
ทรงผมสำหรับผู้ชายเซอร์ ๆ ที่ไม่ต้องการจัดแต่งทรงผมอะไรมากมายก็เป็นอะไรที่เข้าท่าอยู่เหมือนกัน ขั้นตอนก็ง่าย ๆ หลังจากสระผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณไม่ต้องเป่าผม แต่ปล่อยให้แห้งเองตามธรรมชาติ จากนั้นก็เทเจลแต่งผมใส่มือแล้วจัดแต่งทรงผมตามต้องการ โดยเน้นให้หัวดูยุ่ง ๆ สักหน่อย ไม่ต้องพิถีพิถันอะไรมาก 
ทรงผม (สั้น) ยอดฮิตหลากสไตล์ของหนุ่มๆ - แฟชั่นผม - ทรงผม - แบบผม - ทรงผมผู้ชาย - ทรงผมสั้นสุดฮิต
ทรงผมชาย

ทรงผมชาย
5. ทรงโมฮอว์ก
อีกหนึ่งทรงผมยอดฮิตสำหรับวัยรุ่นทั่วโลก ที่ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็ต้องเห็นหนุ่ม ๆ ไว้ผมทรงนกหัวขวาน เอ๊ย! ทรงโมฮอว์ก กันอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเมื่อทำแล้วหลายคนอาจจะดูเป็นเด็กพั้งค์ แต่รับรองว่าคุณจะดูเท่และโดดเด่นเหนือใครเลยทีเดียว ถ้าคุณเป็นคนมีความมั่นใจอยู่แล้วละก็ จัดทรงนี้ก่อนออกจากบ้านไปเลย หล่อเหลือหลาย!!
ทรงผม (สั้น) ยอดฮิตหลากสไตล์ของหนุ่มๆ - แฟชั่นผม - ทรงผม - แบบผม - ทรงผมผู้ชาย - ทรงผมสั้นสุดฮิต
ทรงผมชาย

ทรงผมชาย



ที่มา: เครดิต http://www.globalfashionreport.com



ทรงผมผู้ชาย
ทรงผมชาย

ทรงผมผู้ชาย
ทรงผมชาย

ทรงผมผู้ชาย
ทรงผมชาย

         ต่อกันด้วยทรงที่น่าจะเป็นทรงเบสิคที่สุดแล้วในบรรดาทรงผมของคุณผู้ชาย นั่นก็คือทรงผมสั้นธรรมดา ๆ ยังไงล่ะ จะยุคไหนวัยใด ผมสั้นนี่แหละเรียบง่ายและดูดีอยู่เสมอ แถมไม่ต้องดูแลรักษาอะไรมากมายด้วย ตื่นเช้ามาอาบน้ำแต่งตัวก็ออกจากบ้านได้เลย แต่หากอยากเพิ่มลูกเล่นให้ใบหน้าของคุณโดดเด่นขึ้นก็ง่ายนิดเดียว แค่นำเจลหรือมูสมาแต่งให้ผมตั้งขึ้น เป็นอันใช้ได้แล้ว 

ทรงผมผู้ชาย
ทรงผมชาย

         สำหรับหนุ่มคนไหนที่ชื่นชอบทรงผมแนวเอลวิส เพรสลี่ย์ (แบบที่ใช้สเปรย์เซตผมแล้วเสยไปด้านหลัง) แล้วล่ะก็ ไม่ต้องกลัวว่าปีหน้ามันจะหลุดเทรนด์ไปนะ เพราะทรงนี้ยังเกาะกระแสไปได้อยู่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น คนที่ชื่นชอบการจัดแต่งผมสไตล์ย้อนยุคก็หายห่วงได้เลย ทรงนี้ได้ไปต่อครับ

ทรงผมผู้ชาย
ทรงผมชาย

ทรงผมผู้ชาย
ทรงผมชาย

         หนุ่มคนไหนไว้ผมไม่สั้น และไม่ถึงกับยาวจนเกินไป การทำให้ทรงผมให้ดูยุ่ง ๆ แนวเซอร์ ๆ (หรืออันที่จริงไม่ต้องจัดแต่ง ตื่นมาก็หัวยุ่งอยู่แล้วนี่เนอะ) ยังเป็นทรงที่น่าจะได้รับความนิยมต่อไปแน่นอน อีกทั้งยังเสริมลุคของคุณให้ดูมาดแมนขึ้นอีกด้วยนะ เทคนิคก็ไม่ยากเพียงคุณใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมเล็กน้อย ก่อนใช้มือจัดแต่งผมตามใจชอบ เพียงเท่านี้คุณก็กลายเป็นหนุ่มมาดเท่ได้แล้วล่ะ

ทรงผมผู้ชาย
ทรงผมชาย

ทรงผมผู้ชาย
ทรงผมชาย

         ปิดท้ายกันด้วยทรงที่น่าจะเรียกได้ว่า Never Die จริง ๆ นั่นก็คือ สกินเฮด เพราะต่อให้วันเวลาจะเปลี่ยนไปแค่ไหน เราก็ยังได้เห็นผู้ชายไว้ผมทรงนี้อยู่ทุกยุคทุกสมัย แถมยังเป็นทรงที่คุณแทบจะไม่ต้องทำอะไรกับผมเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่คอยใช้แบตตาเลี่ยนไถออกเมื่อผมเริ่มยาว ซึ่งคุณเองก็สามารถทำเองได้ที่บ้าน โดยไม่ต้องเสียเวลา เสียเงินเข้าร้านทำผมแต่อย่างใด

         หวังว่าตัวอย่างทรงผมอินเทรนด์ต้อนรับปี 2013 ที่เราหยิบมาฝากกันในวันนี้ คงทำให้คุณผู้ชายหลาย ๆ คน ปิ๊งไอเดียใหม่ ๆ ที่จะปรับลุคของตัวเองได้ไม่มากก็น้อยนะ ไหน ๆ จะก้าวเข้าสู่ปีใหม่แล้วก็ลองทำอะไรใหม่ ๆ ให้กับตัวเองบ้าง แล้วสลัดความเชยทิ้งไป อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะชอบผมทรงไหน สิ่งสำคัญที่สุดก่อนที่คุณจะจัดการแปลงโฉม ลองนึกดูสักนิดว่าผมทรงใหม่มันจะเข้ากับใบหน้าของคุณหรือเปล่า เดี๋ยวตัดออกมาแล้วไม่ชอบ จะทำให้เสียความมั่นใจไปอีก เอาเป็นว่า...ลองไปชมภาพทรงผมต่าง ๆ ที่เรานำมาให้ชมกันก่อนเลยดีกว่า เผื่อว่าคุณจะได้จินตนาการภาพออกบ้าง

ทรงผมผู้ชาย
ทรงผมชาย

ทรงผมผู้ชาย
ทรงผมชาย

ทรงผมผู้ชาย

ทรงผมผู้ชาย
ทรงผมชาย

ทรงผมผู้ชาย

ทรงผมผู้ชาย
ทรงผมชาย

ทรงผมผู้ชาย

ทรงผมผู้ชาย

ทรงผมผู้ชาย
ทรงผมชาย

ทรงผมผู้ชาย

ทรงผมผู้ชาย

ทรงผมผู้ชาย

ทรงผมผู้ชาย
ทรงผมชาย

ทรงผมผู้ชาย

ทรงผมผู้ชาย

ทรงผมผู้ชาย
ทรงผมชาย

ทรงผมผู้ชาย

ทรงผมผู้ชาย

ทรงผมผู้ชาย
ทรงผมชาย

ทรงผมผู้ชาย
ทรงผมชาย

วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556

job description หมายถึง


เอกสารที่บ่งบอกหรือแสดงให้เห็นว่างานในตำแหน่งงานนั้นๆต้องทำ อะไรบ้าง งานนั้นสำคัญต่อองค์กรอย่างไร มีความสัมพันธ์กับหน่วย งานหรือตำแหน่งอื่นอย่างไร และคนที่ทำงานในตำแหน่งงานนั้น จะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร 
1. งานตำแหน่งนั้นมีงานหลักอะไรบ้าง
2. งานหลักแต่ละด้านมีกิจกรรมหลักอะไรบ้าง 
3. องค์กรคาดหวังอะไรจากงานหลักในแต่ละด้าน 
4. ตำแหน่งนี้อยู่ตรงไหนของโครงสร้างองค์การ 
5. ระดับความรับผิดชอบต่อองค์กรมีมากน้อยเพียงใด 
6. คนที่มีคุณสมบัติแบบไหนจึงจะทำงานในตำแหน่งงานนี้ได้ 

Job Description มีประโยชน์ในการนำไปใช้ในการกำหนดแนวทาง คัดเลือกคนเข้าทำงาน , นำไปใช้ในการพัฒนา ฝึกอบรมบุคลากร 

สิ่งแรก ที่ต้องดำเนินการก่อนที่จะออกแบบใบกำหนดหน้า ที่งานคือ 
ต้องกำหนดก่อนว่าใบกำหนดหน้าที่งานจะต้องตอบคำถามดังต่อไปนี้ 
ตำแหน่งนี้คือตำแหน่งอะไร อยู่หน่วยงานไหน ? 
ทำไมองค์การต้องมีตำแหน่งงานนี้ ? 
ตำแหน่งงานนี้มีหน้าที่หลักอะไรบ้าง ? 
องค์การคาดหวังอะไรจากตำแหน่งงานนี้ ? 
งานตำแหน่งนี้ยากตรงไหน ? 
สายการบังคับบัญชาเป็นอย่างไร ? 
มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานใดบ้าง ? 
คุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งมีอะไรบ้าง ?

คำบรรยายลักษณะงาน (Job Description)

บทความวันนี้ จะย้อนกลับมาเริ่มต้นที่เครื่องมือพื้นฐานในการบริหารทรัพยากรบุคคล ซึ่งถ้าใครทำงานทางด้านนี้ย่อมจะรู้จักเครื่องมือชนิดนี้เป็นอย่างดี นั่นก็คือ คำบรรยายลักษณะงาน หรือบ้าง ก็เรียกว่า ใบพรรณนาหน้าที่งาน หรือ หลายบริษัทก็ใช้เป็นภาษาอังกฤษว่า Job Description และเรียกย่อๆ ว่า JD
JD เป็นเอกสารที่ระบุถึงขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบงานตำแหน่งงานหนึ่งๆ ในองค์กร รวมทั้งระบุถึงคุณสมบัติที่จำเป็นของตำแหน่งงานนั้นๆ ด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้มีความชัดเจนในการปฏิบัติงาน และบริหารงานบุคคลขององค์กร
ประโยชน์ของ JD ก็มีตั้งแต่
  • ใช้ในการสรรหาว่าจ้าง และคัดเลือกคนเข้าทำงาน ให้ตรงกับคุณสมบัติที่ระบุไว้
  • ใช้เป็นเครื่องมือในการมอบหมายงานให้กับพนักงานที่เข้าทำงานใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดอาการ “หลุด” ว่ามีบางงานไม่ได้แจ้ง พอมาแจ้งทีหลัง พนักงานก็อาจจะรู้สึกไม่ดีได้
  • ใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์หาความจำเป็นในการฝึกอบรมของตำแหน่งงานนั้นๆ ว่า โดยมาตรฐานของตำแหน่งงานนี้แล้ว จะต้องอบรมความรู้และทักษะในการทำงานเรื่องใดบ้าง แล้วค่อยเอาไปเปรียบเทียบกับพนักงานที่ดำรงตำแหน่งอยู่ว่ามีทักษะนั้นๆ บ้างแล้วหรือยัง
  • ใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินค่างาน และจัดระดับงาน เพื่อเป็นฐานในการบริหารค่าจ้างเงินเดือน อันนี้สำคัญมาก การจ่ายค่าจ้างตามหลัก Equal Pay for Equal Work นั้น อยู่บนพื้นฐานของงานที่รับผิดชอบมากกว่า อายุงาน หรืออาวุโสของคน ดังนั้น ตำแหน่งงานที่ต้องอาศัยความรู้ทักษะ และมีความรับผิดชอบมากกว่า ก็ควรจะได้ค่างานที่สูงกว่า
  • ใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินผลงาน โดยกำหนดตัวชี้วัดผลงานได้จาก JD นี่แหละครับ สำหรับบริษัทที่ไม่ได้ใช้ระบบบริหารผลงานที่กระจายตัววัดตั้งแต่ระดับองค์กรลงมาจนถึงระดับพนักงาน ก็สามารถใช้ JD เป็นตัวช่วยในการกำหนดตัวชี้วัดผลงานได้อีกด้วย
  • ช่วยกำหนด Competency ของงานได้ โดยเฉพาะ Functional Competency จะมาจากลักษณะของงานโดยตรงเลย ว่างานนี้จะต้องมีความรู้ ทักษะในการทำงานอย่างไรบ้าง และระดับใดบ้าง
  • เอาไปใช้เป็นเครื่องมือในการทำการสำรวจค่าจ้างเงินเดือน โดยเป็นตัวเปรียบเทียบงานระหว่างกัน ว่างานเหมือนกันหรือไม่ เพื่อจะได้นำข้อมูลเงินเดือนมาเปรียบเทียบกันได้อย่างถูกต้องตรงตามค่างาน
  • ฯลฯ
จะเห็นว่าประโยชน์ของ JD นั้นมีมากมายก่ายกอง แต่ชาว HR เคยถามตัวเองหรือไม่ว่า เราใช้ประโยชน์จากมันอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง ปัญหาที่ผมเคยพบมาบ่อยๆ สำหรับการทำงานเป็นที่ปรึกษาทางด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลก็คือ
  • บริษัทมี JD แต่ทำไว้ตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว ไม่เคย Update เลย
  • อ่าน JD ที่เขียนออกมาแล้ว ดูยังไงก็ดูไม่ออกว่า แต่ละตำแหน่งมันแตกต่างกันอย่างไร โดยเฉพาะตำแหน่งผู้จัดการ ก็จะเริ่มข้อ1 ว่า “วางแผนการดำเนินงาน” ข้อ2 ก็คือ “ควบคุมการทำงานให้ได้ตามแผนงานที่กำหนด” ข้อ 3 ก็ว่า “ตรวจสอบการทำงานของลูกน้องให้อยู่ในขอบเขตและเป้าหมาย” ฯลฯ และทุกตำแหน่งที่เป็นระดับผู้จัดการก็จะ copy ไปตามที่เขียนไว้ ผมถามว่า แล้วจะมีไปทำไมหลายๆ ตำแหน่ง ในเมื่องานเหมือนกันหมดทุกตำแหน่ง ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเขียน JD ในลักษณะนี้แล้ว เราจะไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ตามที่ว่ามาข้างต้นได้เลย เพราะเราจะไม่สามารถมองงานออกอย่างชัดเจนได้เลย
  • ทำขึ้นเพราะถูกบังคับจากข้อกำหนดของระบบคุณภาพต่างๆ ก็เลยทำไว้ เพื่อให้ตรวจสอบว่ามี
ปัจจุบันหลายๆ คนอาจจะเห็นว่า เรื่องของ JD นั้นมันล้าสมัยไปแล้ว แต่ลองทบทวนให้ดีนะครับ ว่า เราได้ใช้ประโยชน์จากมันเต็มที่สักแค่ไหน ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว และไม่ได้สำคัญอะไร แต่ถ้าใช้ไม่ถูกทาง ก็เกิดปัญหาเยอะเหมือนกันนะครับ
สิ่งที่อยากสรุปไว้ตอนนี้ ก็คือ อยากให้นักบริหารบุคคลที่เข้ามาอ่านบทความนี้ ลองนั่งพิจารณาดูว่า เราได้ใช้ประโยชน์จาก JD ที่เก็บไว้ในแฟ้มของเรามากน้อยแค่ไหน เราอุตสาห์นั่งทำ นั่งติดตามคนอื่นให้เขียนส่งให้เรา แต่สุดท้ายก็มาเก็บไว้เฉยๆ ในแฟ้มให้ผุ่นเกาะหรือเปล่าครับ
ประคัลภ์ ปัณฑพลังกูร
http://prakal.wordpress.com/2009/08/31/%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-job-description/