วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เลขเด็ด หวยทางด่วนกรุงเทพ 16/6/56 หวย16 มิ.ย. 2556


เลขเด็ด หวยทางด่วนกรุงเทพ
ตรวจหวย 16 มิ.ย. 56 สลากกินแบ่งรัฐบาล 16 มิ.ย. 2556
ดาวน์โหลดใบตรวจหวยงวด 16 มิ.ย. 2556
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล 16 มิ.ย. 2556
เว็บบริการตรวจหวย
เว็บบริการตรวจหวย พร้อมสถิติท่านสามารถดูได้ที่ 
ตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาล
ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล!!งวด 16 มิถุนายน 2556 ได้ที่ 
เวลาประมาณสี่โมงเย็นของวันที่ 16 มิถุนายน 2556

เลขเด็ด บุญมี ย่าเย็น 16/6/56 หวยดัง


เลขเด็ด บุญมี ย่าเย็น
ตรวจหวย 16 มิ.ย. 56 สลากกินแบ่งรัฐบาล 16 มิ.ย. 2556
ดาวน์โหลดใบตรวจหวยงวด 16 มิ.ย. 2556
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล 16 มิ.ย. 2556
เว็บบริการตรวจหวย
เว็บบริการตรวจหวย พร้อมสถิติท่านสามารถดูได้ที่ 
ตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาล
ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล!!งวด 16 มิถุนายน 2556 ได้ที่ 
เวลาประมาณสี่โมงเย็นของวันที่ 16 มิถุนายน 2556

นาซาเผย ดาวเคราะห์น้อยพุ่งเฉียดโลก ระยะประชิด

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ นาซา ได้ออกแถลงการณ์ว่า ดาวเคราะห์น้อย 2013 แอลอาร์ 6 ขนาดความกว้าง 10 เมตร ถูกค้นพบ 1 วัน ก่อนที่จะพุ่งผ่านโลกเมื่อเวลา 11.42 น. ตามเวลาประเทศไทยของวันเสาร์ที่ 8 มิ.ย.

ดาวเคราะห์น้อย,เฉียดโลก

ทั้งนี้ ดาวเคราะห์ดวงนี้อยู่เหนือท้องฟ้ามหาสมุทรใต้ ทางใต้ของเกาะทาสเมเนีย ประเทศออสเตรเลีย ในระดับ105,000 กิโลเมตรจากพื้นโลก มีระยะห่างจากโลกนั้นอยู่ที่ 300,000 กิโลมเตร ซึ่งใกล้กว่าดวงจันทร์ถึง 4 เท่า

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ดาวเคราะห์น้อยขนาดเล็ก ระเบิดกลางอากาศเหนือท้องฟ้าเมืองเชลยาบินสก์ ประเทศรัสเซีย ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกสะเก็ดชิ้นส่วนและกระจกอาคารที่แตก กว่า 1,500 คน และในวันเดียวกันดาวเคราะห์น้อยอีกดวงพุ่งเฉียดผ่านโลก ในระดับความสูง 27,000 กิโลเมตรอีกด้วย

หน้ากากขาว ทยอยรวมตัวCTW ลั่นไม่เอารบ.

กลุ่มหน้ากากขาว ทยอยรวมตัวหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ลั่น ไม่เอารัฐบาล ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมเข้มกว่า 500 นาย
ม็อบหน้ากากขาว,เซ็นทรัลเวิล์ด
บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มหน้ากากขาว ล่าสุด เริ่มทยอยรวมตัวกันบริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์แล้ว โดยถือป้ายคัดค้านการการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จัดเตรียมกำลังตำรวจชุดคุมฝูงชน ชุดรักษาความปลอดภัย และชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ไว้กว่า 500 นาย เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณภายนอกและภายในศูนย์การค้าอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ได้ใช้แผงเหล็กปิดพื้นที่ลานกิจกรรมทั้งสองฝั่ง
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุมหน้ากากขาว ได้มีการนัดมวลชนผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ให้มาร่วมชุมนุมแสดงพลังต่อต้านรัฐบาล บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในเวลา 16.00 น. ก่อนที่จะร่วมกันทำกิจกรรมแสดงพลัง ในเวลา 16.30 น. ท่ามกลางกระแสข่าวว่า กลุ่มคนเสื้อแดง จะมาชุมนุมคัดค้านบริเวณหน้าศูนย์การค้า เกษรพลาซ่า ในเวลาเดียวกัน

วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556

คลิปสอนลูกให้หัดคลาน

การฝึกตั้งเข่า เพื่อให้เด็กๆ สามารถลำแแขน และเข่า ยันพื้นยกตัวขึ้น (กรณีที่น้องยังไม่ได้สามารถใช้แขนยันได้ พ่อ แม่ หรือผู้ฝึก ใช้แขนข้างนึงโอบที่หน้าอกของน้อง เพื่อประคองตัวของน้องไว้ไม่ให้ล้ม ใช้เข่าของพ่อ แม่ หรือผู้ฝึก คร่อมไว้ที่เข่าของน้อง เพื่อให้น้องสามารถตั้งเข่าได้ และค่อยๆ คลายน้ำหนักที่โอบตัวน้องไว้ ปล่อยให้น้องทิ้งน้ำหนักลงที่แขนและเข่าเพิ่มมากขึ้น จนน้องสามารถใช้ลำแขนยันพื้น และตั้งเข่าได้)



เมื่อน้องพอจะตั้งเข่า และใช้ลำแขนยันพื้นได้ พ่อ แม่ หรือผู้ฝึก หัดให้น้องลงน้ำหนัก ที่แขน 1 ข้าง และที่เข่าทั้ง 2 ข้าง โดยทำสลับแขนกันไปเรื่อยๆ จนน้องสามารถตั้งเข่า ใช้แขนข้างนึงยันพื้น และอีกข้างเล่นของเล่นได้


ฝึกไปเรื่อยๆ ชวนน้องเล่นไปเรื่อยๆ เมื่อลำแขน และเข่าของน้องเริ่มแข็งแรงขึ้น น้องจะสามารถตั้งเข่า ใช้แขนยันพื้นข้างนึง อีกข้างเล่นของเล่นได้ค่ะ


เริ่มหัดให้น้องคลานเข่าเดินหน้า


เมื่อน้องเข้าใจวิธีการคลาน ลำแขน และ เข่าแข็งแรงพอแล้ว น้องจะสามารถคลานเข่าได้ค่ะ


เป็นกำลังใจให้กับ พ่อ แม่ ผู้ปกครองเด็กๆ ที่ต้องการ การดูแลเป็นพิเศษทุกคนนะคะ ลูกๆ ของพวกเราทำได้ค่ะ เพียงแต่ต้องหมั่นฝึก หมั่นซ้อมกันหน่อย สู้ๆ นะคะ



ทำ อย่างไร ให้ ลูก คลาน ที่นี่เลย พัฒนาการ คลาน

ทำ อย่างไร ให้ ลูก คลาน ที่นี่เลย พัฒนาการ คลานทำ อย่างไร ให้ ลูก คลาน ที่นี่เลย พัฒนาการ คลาน
การคลานเป็นพัฒนาการที่สำคัญของเบบี้ เพราะเป็นพื้นฐานของการเดิน เนื่องจากต้องใช้กล้ามเนื้อหลายๆ ส่วน เช่น แขน ขา ลำตัว สะโพก ฯลฯ ในการทรงตัว ยิ่งลูกคลานได้ดีเท่าไหร่ พัฒนาการและการเรียนรู้ขั้นต่อไปของเขาก็จะดีตามเท่านั้น
 เมื่อลูกถึงวัยคลาน
หลังจากที่ชันคอพลิกคว่ำพลิกหงายได้แล้ว พัฒนาการต่อไปของลูกก็คือการคืบและคลานตามลำดับ โดยธรรมชาติของเด็กเขามักจะมีความต้องการที่อยากจะเคลื่อนไหวร่างกายและเคลื่อนตัวเข้าหาเป้าหมายอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเด็กแต่ละคนจะมีวิธีการเคลื่อนตัวที่แตกต่างกันไป เช่น ค่อยๆ คืบไปข้างหน้า หรือทำท่าเหมือนคลานแต่ใช้ขาข้างใดข้างหนึ่งกระเถิบตัว หรือว่าคลานถอยหลังไม่ได้คลานไปข้างหน้า ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใดค่ะ เพราะถ้าหากลูกยังอยากที่จะเคลื่อนไหวร่างกาย และการขยับแขนขายังคงเท่ากันทั้ง 2 ข้างไม่ได้มีข้างใดข้างหนึ่งเคลื่อนที่ผิดปกติ หรือลูกไม่ยอมใช้ข้างใดข้างหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องกังวลค่ะ การคลานจะช่วยให้ลูกเกิดการเรียนรู้ที่มากกว่าการเคลื่อนไหวอย่างอื่น นั่นคือลูกสามารถเรียนรู้เรื่องของการควบคุมตัวเอง เรื่องปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ได้เรียนรู้คำสั่งของพ่อแม่ และที่สำคัญเมื่อลูกคลานได้ และคลานเป็นแล้วประสาทสัมผัสทั้ง 5 จะทำงานสัมพันธ์กับสมองส่งผลให้พัฒนาการทางร่างกายของลูกแข็งแรงค่ะ
ฝึกลูกคลานพ่อแม่ทำได้
คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยฝึกให้ลูกน้อยคลานได้ไม่ยุ่งยาก เป็นการช่วยกระตุ้นพัฒนาการและเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้กับลูกโดย 3 วิธีดังนี้
 1. ตั้งท่าเตรียมคลาน คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยเตรียมท่าทางให้กับลูกได้ โดยให้ลูกนอนคว่ำจากนั้นจัดท่าทางของเขาให้อยู่ในท่าที่กำลังจะคลาน ค่อยๆ ตั้งแขนและชันเข่าของลูกซึ่งคุณพ่ออาจจะประคองแล้วคุณแม่ทำหน้าที่เป็นกองเชียร์คอยเรียกให้ลูกไปหาด้วยอีกแรง
หรือในในกรณีที่ลูกชอบโหย่งตัว จะคลานก็ไม่คลานสักทีนั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถจัดท่าทางให้ลูกได้เลยค่ะ โดยฝึกให้ลูกเอาเข่าลง ค่อยๆ ให้ตั้งเข่าคลาน อาจจะให้ลูกได้เล่นของเล่นอยู่กับที่สักพัก จากนั้นจึงหยิบออกมาวางให้ห่างตัวลูกสักเล็กน้อย เพื่อให้ลูกได้เคลื่อนไหวตาม ซึ่งวิธีเหล่านี้ต้องค่อยๆ ทำนะคะ อย่าบังคับฝืนใจเพราะเด็กแต่ละคนความพร้อมไม่เหมือนกันค่ะ
 2. กระตุ้นโดยการเรียกชื่อ เด็กวัย 6-7 เดือนสามารถเรียนรู้เรื่องปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างแล้วค่ะ เมื่อคุณพ่อคุณแม่เรียกชื่อลูก เขาจะรับรู้และเข้าใจในทันที การเรียกชื่อลูกจึงเป็นวิธีการกระตุ้นให้ลูกรู้สึกอยากคลานเข้ามาหา
 3. ของเล่นและอุปกรณ์เสริม ไม่ว่าจะเป็นของเล่นที่ลูกชอบ ของเล่นที่มีเสียงหรือแม้แต่ใบหน้าของคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถนำมาเล่นกับลูกได้ อาจจะเอาของเล่นชิ้นโปรดของลูกมาหลอกล่อ หรือการเล่นจ๊ะเอ๋หรือเล่นซ่อนแอบกับลูกให้ลูกคอยมองหรือคอยหา เนื่องจากวัยนี้เป็นวัยที่เริ่มมองหาสิ่งของที่หายไปจากสายตา การใช้ของเล่นมาหลอกล่อจึงช่วยให้ลูกอยากคลานได้ค่ะ
 จัดพื้นให้พร้อมคลาน
พื้นเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการเรื่องการคลานของลูก เขาจะรู้สึกอยากคลานหรือไม่ ส่วนหนึ่งก็อยู่ที่พื้นค่ะซึ่งคุณพ่อคุณแม่ต้องคำนึงถึงความสำคัญดังต่อไปนี้
 1. ผิวสัมผัสที่เหมาะสม เด็กหลายๆ คนอาจมีความรู้สึกไม่อยากคลานเนื่องจากพื้นอาจจะแข็งเกินไปทำให้รู้สึกเจ็บ หรือลื่นเกินไป ทำให้คลานยากทรงตัวไม่ได้ เป็นต้น ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องหาผ้าหรือเบาะนิ่มๆ มาปูรองพื้นให้ลูกสักหน่อยนะคะ เขาจะได้รู้สึกสนุกและเพิ่มความอยากในการคลานมากยิ่งขึ้น
 2. พื้นต้องสะอาด ความสะอาดของพื้นเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ บริเวณที่ลูกจะคลานต้องปราศจากเชื้อโรคต่างๆ ฝุ่นละอองสิ่งสกปรกต่างๆ เพราะแทบทุกส่วนของลูกจะต้องสัมผัสกับพื้นโอกาสที่เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายของลูกย่อมมีสูงหากไม่แน่ใจว่าสะอาดพอหรือยังก่อนวางลูกลงหรือให้ลูกเริ่มคลาน ควรทำความสะอาดพื้นให้เรียบร้อยก่อนค่ะ
3. ระวังอันตรายจากสิ่งของบนพื้น ไม่ว่าจะเป็นของชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ ยิ่งเจ้าตัวเล็กอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นหยิบจับอะไรเป็นต้องเอาเข้าปากหมด เพราะฉะนั้นก่อนที่จะให้ลูกลงพื้นสังเกตสักนิดว่าบนพื้นของเรานั้นมีสิ่งแปลกปลอมอยู่หรือไม่ เช่น เศษกระดุมหรือเศษสตางค์ที่เราทำหล่นไปโดยไม่ทันรู้ตัวหากมีต้องเก็บให้หมดก่อนค่ะ
ที่สำคัญควรให้ลูกได้มีประสบการณ์ในการคลานบ่อยๆ เพื่อให้ลูกมีพัฒนาการก้าวหน้าสมวัยค่ะ
จาก: รักลูก
โดย: เกื้อกูล
เรียบเรียงจากการสัมภาษณ์ พญ.สินดี จำเริญนุสิต กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการและพฤติกรรมโรงพยาบาลเวชธานี

ความจริงที่กระอักกระอ่วน Inconvenient Truth

อ่านรายงานข่าวจากเวียตนามที่ว่า ยอดผู้ป่วยเบาหวานพุ่งขึ้นถึง6% ของจำนวนประชากร และในเมืองใหญ่อย่าง โฮจิมินห์ซิตี้ ยอดผู้ป่วยเบาหวานอาจพุ่งขึ้นถึง10% ของจำนวนประชากร

น่าตกใจ เมื่อนึกถึงภาพ หมอที่นั่นต้องแบกรับผู้ป่วยเรื้อรังเหล่านี้ ยิ่งในเวียตนามมีอัตราการเน่าตายของเท้าและขาอันเนื่องจากเบาหวานที่ลุกลามสูงมากจนต้องตัดเท้า ตัดขาทิ้ง ก็ยิ่งน่าอนาถใจ

หันกลับมาที่เมืองไทย ความขมมีเสียงค่อยและเบา บุคคลากรทางการแพทย์ต้องทำงานหนัก ล้นมือ รับกับสารพัดอาการจากเบาหวาน โรคพ่วงเช่น โรคหัวใจ ความดันสูง อัมพฤกษ์ โรคไต ต้อกระจก แต่ข่าวที่น่าเห็นใจเหล่านี้ มีแต่เสียงเงียบๆในแวดวงหมอและพยาบาล เป็นข่าวก็แค่ประเดี๋ยวประด๋าว สู้ข่าวสีสันของดารา นักแสดงไม่ได้เลย

แต่ความหวาน มีเสียงดัง เฮฮา โรงงานผู้ผลิต ฉลองยอดขาย เปิดแชมเปญ ดันบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ กำไรอู้ฟู่ ความหวานที่เป็นต้นเหตุให้ หมอและพยาบาลต้องทำงานจนปากขม

1)หลายๆประเทศมีกฏควบคุมการขาย Trans Fat แต่เมืองไทย ขายกันเสรี ไม่มีเพดานบังคับทั้ง เนยเทียม ( Margarine) เนยขาว (Shortening )ครีมเทียม ( Non dairy Creamer) น้ำมันพืชผ่านการเติมไฮโดรเจน ( partially hydrogenated vegetable Oils ) แทรกซึมอยู่ในอาหารการกินแทบทุกชนิด โดยเฉพาะเครื่องดื่ม3-in-1ทั้งหลายที่ล้วนผสม ครีมเทียม ( Non dairy Creamer) เกิน 40% ทั้งสิ้น

2) ทั้งๆที่รู้กันดีว่าความหวานเป็นสาเหตุทำให้ตับอ่อนทรุด ทำให้ดื้ออินซูลิน สาธารณสุขก็แจ้งว่าไม่ควรกินน้ำตาลเกินวันละ 6 ช้อนหรือ ประมาณไม่เกินวันละ30 กรัม แต่ไม่มีบทบังคับใดๆควบคุมปริมาณน้ำตาลต่อ Serving ไม่น่าเชื่อว่าจะพบนมเปรี้ยวขวดเล็กๆมีน้ำตาลเกิน25กรัม ชาเขียว ชาขาว กาแฟ บรรจุขวดมีปริมาณน้ำตาลเกิน 35กรัม บางรายอ้างว่าเป็นเครื่องดื่มสุขภาพแต่ 1 ขวดมีปริมาณน้ำตาลเกิน 45กรัม !!!! จินตนาการไม่ออกเลยว่าหากดื่มกันอย่างนี้วันละ2-3 ขวด ไต ตับอ่อน เส้นเลือด จะตกอยู่ในสภาพใด ?

3) แม้มีหลักฐานมากมายจากทั่วโลกว่า ผงชูรส ผงปรุงรสมีปริมาณโซเดี่ยมสูง มีผลร้ายกับไต แต่ก็ขายกันอย่างเสรี ร้านก๋วยเตี๋ยวส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องต้มน้ำซุปกระดูกกันแล้ว บางร้านบอกว่าเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำใส (จะไม่ใสได้อย่างไรในเมื่อ น้ำซุปหนึ่งหม้อ ท่านเล่นผสมผงชูรสครึ่งถุงลงในน้ำก๊อก ) เข้าทำนอง คนปรุงไม่ได้กิน คนกินไม่ได้ปรุง (ชั่งหัวคนกิน)

4) มีการรณรงค์กันประปราย ไม่ให้ใช้น้ำมันทอดซ้ำ แต่ลองตระเวนตามตลาด จะพบว่าแม่ค้าตามร้านอาหาร แผงลอย เขาล้วนแต่ใช้นำมันพืชเป็นถุง ที่ผ่านการตระเวณรับซื้อน้ำมันทอดซ้ำแล้วเอามาฟอกสีใหม่

5) ขึ้นไปบนดอย ชาวเขาเปลี่ยนอาชีพไม่ปลูกฝิ่น แต่หันมาปลูกผักผลไม้ ส่งมาขายให้ชาวพื้นราบ แต่พบว่า ผักพวกนี้เขารดยาฆ่าแมลงด้วยสปริงเกอร์ !!!! ชาวเขาไม่เคยกินผักที่ปลูกเอง

บรรยายมาบางส่วนนี้ไม่ได้อยากให้หมดอาลัยตายอยาก แต่ต้องเรียนความจริงว่า ข่าวเรื่องมะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต อัมพฤกษ์ ไม่ใช่เคราะห์กรรม ท่านหนีได้ พ้นได้ แต่ต้อง อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ให้มากๆ อย่าไปฝากความหวังและชีวิตไว้ในมือผู้อื่น อย่าไปสรุปสั้นๆว่า “ ก็ มีตรา อ.ย กำกับแล้ว ก็ทานได้สิ” “ ก็ไม่เห็น อ.ย ออกมาห้ามตรงไหนเลย ก็ทานต่อไปเถอะ”

คำว่า “กินได้” กับ “กินดี” นั้นมีความหมายไม่เหมือนกัน
ดูเเแลตัวเอง เท่ากับ ช่วยกระเป๋าตัวเอง เท่ากับ ให้โอกาสหมอ พยาบาล ได้ทำงานอย่างปากไม่ขมบ้างเถอะครับ ไม่อยากเห็นคนไทยตัดขา จนขาด้วนเหมือนในเวียตนาม และอาฟริกา

ลดความอ้วนสูตรนางเอก 5 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์

ความอ้วนที่แถมมากับชีวิตในสังคมเมือง
ความอ้วนที่แถมมากับชีวิตในสังคมเมือง


เมนูลดน้ำหนัก ลดความอ้วน สูตรนางเอก 5 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์
ลดความอ้วน แบบ เบนซ์ พรชิตา

  เบนซ์-พรชิตา ณ สงขลา ออกตัวว่าเป็นนางเอกช่างกิน แต่ที่ไม่อ้วนก็เพราะมีสูตรเด็ดไว้ค่อยควบคุมน้ำหนัก แถมสูตรนี้ยังฮิตในบรรดานางเอกช่อง 3 อีกด้วย บรรดาสาวๆ ที่อยากหุ่นดีไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

   เบนซ์ไม่ได้เน้นบำรุงผิวมาก เพราะใส่ใจเรื่องกินมากกว่า เบนซ์กับพี่ชายชอบหาเมนูสุขภาพที่ต้องมีผักและผลไม้มาลองทำกัน บางครั้งจะออกไปกินอาหารนอกบ้านกับพี่มิกซ์-บรมวุฒิ เลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพและอร่อย บางช่วงกินเพลินจนน้ำหนักเพิ่ม ก็ต้องนำสูตรลดความอ้วนมาใช้ สูตรนี้ทำแล้วเห็นผลดี ลดอ้วนได้โดยไม่ต้องอดอาหาร เบนซ์แนะนำเพื่อนๆ ดาราช่อง 3 หลายคนให้ลองทำ ล่าสุด นานา ไรบีนา กินสูตรนี้ก่อนที่จะถ่ายแบบชุดว่ายน้ำค่ะ

สูตรลดอ้วนแบบเบนซ์…เบนซ์…

   เมนูลดน้ําหนัก สูตรนี้ใช้บ่อยเวลาที่ต้องการลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน ทำอาทิตย์เดียวลดได้ 5 กิโลกรัม หากทำซ้ำ 2 รอบจะลดได้ถึง 7 กิโลกรัม ควรกินน้ำอย่างน้อย 2 แก้วก่อนกินอาหารทุกมื้อ และทำติดต่อกันไม่เกิน 2 อาทิตย์


  วันที่ 1
เช้า โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย
เที่ยง ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น สลัดผักน้ำใส


  วันที่ 2
เช้า น้ำผลไม้คั้น 1 แก้ว
เที่ยง ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย


  วันที่ 3
เช้า โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย
เที่ยง เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม
เย็น สับปะรด 1 ชิ้น


  วันที่ 4
เช้า น้ำผลไม้คั้น 1 แก้ว
เที่ยง ส้มตำ-ไก่ย่าง
เย็น โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย


  วันที่ 5
เช้า น้ำผลไม้คั้น 1 แก้ว
เที่ยง สลัดผักน้ำใส + ไก่ย่าง
เย็น สลัดผักน้ำใส


  วันที่ 6
เช้า น้ำผลไม้คั้น 1 แก้ว
เที่ยง ปลานึ่งหรือปลาย่าง (ไม่จำกัด)
เย็น นมสดรสจืด 1 แก้ว


  วันที่ 7
เช้า ข้าว 1 ทัพพี + ไข่ต้ม 1 ฟอง
เที่ยง เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม
เย็น สับปะรด 1 ชิ้น


อ่านเพิ่มเติมในคอลัมน์ Beauty นิตยสาร Health & Cuisine

กระทู้ที่เกี่ยวข้องกับ “ลดน้ำหนัก”
7 เคล็ดลับ ผลาญ ส่วนเกิน
ทริคเด็ด ลดน้ำหนัก อย่าลืม กินให้ถูกเวลา
วิธี ลดน้ำหนัก ให้ได้ผลชัวร์ๆ
5 วิธี ไดเอท ที่ แย่ที่สุด
มันฝรั่ง ช่วย ลดน้ำหนัก สวยหุ่นเป๊ะ
8 ความลับ ของ สาวผอมหุ่นดี
3 สูตร ไดเอท สุดฮิพของ สาวญี่ปุ่น
7 Perfect Slen เคล็ดลับ สู่น้ำหนัก ที่สมดุล
มะนาว สุดยอดตัวช่วย ลดน้ำหนัก
ลดความอ้วน กับ เมนูอาหารเช้าแบบง่ายๆ
เคล็ดลับ ลดหุ่น ให้ผอมเพรียว แบบง่ายๆ
ลดน้ำหนัก กับไอศกรีม หวานเย็น
สูตรไดเอท แบบใหม่…ไฉไลกว่าเดิม
10 สิ่งที่เราไม่รู้ (แต่ควรรู้) ในการดูดไขมัน
เคล็ดลับ ลดน้ำหนัก ด้วยน้ำเปล่า
อาหาร ลดน้ำหนัก ยิ่งกินยิ่งผอม
5 วิธีกินเลี้ยง ลดเสี่ยงอ้วน

สูตรลดน้ำหนัก วิธีลดความอ้วน สำหรับสาวอยากผอม

สูตรลดน้ำหนัก วิธีลดความอ้วน สำหรับสาวอยากผอม
ความอ้วนที่แถมมากับชีวิตในสังคมเมือง
ความอ้วนที่แถมมากับชีวิตในสังคมเมือง

ความอ้วนกับสาว ๆ ดูเหมือนจะเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันเลยใช่ไหมล่ะคะ ยิ่งถ้าเกิดใครมาทักว่า "นี่เธอดูอ้วนขึ้นรึเปล่าเนี่ย" คงจะถึงขั้นตัดเพื่อนตัดพี่น้องกันเลยทีเดียว อิอิ แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอก เพราะวันนี้เรารวบรวม สูตรลดน้ำหนัก เคล็ดลับ วิธีลดความอ้วน ภายในช่วงเวลาที่เราต้องการ ตั้งแต่ 3 วัน ถึง 1 เดือน มาฝากสาว ๆ ด้วย เอ้า...ไหนมาดูซิ ว่ามี สูตรน้ำหนัก อะไรน่าสนใจบ้างเอ่ย

สูตรลดน้ำหนัก สูตรที่ 1: สูตรลดน้ำหนัก ของสมเด็จพระเทพฯ

         เป็นสูตรลดน้ำหนัก 7 วัน ค่ะ โดยก่อนรับประทานอาหาร ให้ดื่มน้ำก่อน 2 แก้ว และจัดอาหารแต่ละมื้อ ดังนี้

 วันที่ 1

          มื้อเช้า : น้ำผลไม้ หรือโยเกริต์
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้มสองฟอง
          มื้อเย็น : สลัดผัก

 วันที่ 2

          มื้อเช้า : น้ำผลไม้หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้มสองฟอง
          มื้อเย็น : โยเกิรต์

 วันที่ 3

          มื้อเช้า : โยเกิรต์หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม
          มื้อกลางวัน : เกาเหลาลูกชิ้นหมู
          มื้อเย็น : สับปะรด 1 ชิ้น

 วันที่ 4

          มื้อเช้า : ขนมปัง 1 แผ่น น้ำผลไม้หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม
          มื้อกลางวัน : สลัดผักและไก่ย่าง 1 ชิ้น
          มื้อเย็น : โยเกิรต์

 วันที่ 5

          มื้อเช้า : น้ำผลไม้หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม
          มื้อกลางวัน : ส้มตำและไก่ย่าง 1 ชิ้น
          มื้อเย็น : สลัดผัก

 วันที่ 6

          มื้อเช้า : น้ำผลไม้หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม
          มื้อกลางวัน : ปลานึ่งหรือปลาเผา
          มื้อเย็น : นมสด

 วันที่ 7

          มื้อเช้า : ข้าวสวย 1 ทัพพี และหมูย่าง 1 ชิ้น หรือ ข้าวสวย 1 ทัพพี และไข่ต้ม 1 ลูก
          มื้อกลางวัน : เกาเหลาลูกชิ้นหมู
          มื้อเย็น : สับปะรด 1 ชิ้น

         ส่วนวันที่แปด มื้อเช้า มื้อกลางวัน มื้อเย็น สามารถรับประทานอาหารอะไรก็ได้ตามใจชอบ แต่ถ้าอยากลดน้ำหนักต่อให้เริ่มรับประทานเหมือนที่ทำตั้งแต่วันแรกค่ะ


 สูตรลดน้ำหนัก สูตรที่ 2  : สูตรลดน้ำหนัก 3 วัน

         โดยทั้งสามวัน คุณสาว ๆ ต้องดื่มน้ำ 2 แก้ว ก่อนรับประทานอาหารทุกมื้อค่ะ และต้องรับประทานอาหารดังนี้

 วันที่ 1

         ตื่นมา ถ่ายให้หมด และ ดื่มน้ำสะอาด  1 ลิตร

          มื้อเช้า : ขนมปังปิ้งจนแห้ง + ส้มขนาดกลางหวานไม่มาก + ดื่มชา หรือกาแฟ ไม่มีน้ำตาล
          มื้อกลางวัน : ไอศกรีม รสวนิลา 1 ลูก +แครอท น้ำบุรูท ประมาณ 50 กรัม + ดื่มชา หรือกาแฟ ไม่มีน้ำตาล
          มื้อเย็น : ปลาทูน่า + มะเขือเทศ สีดา 1 ผล + ดื่มชา หรือกาแฟ ไม่มีน้ำตาล

 วันที่ 2
       
          มื้อเช้า :แก้วมังกร + แฮม 2 แผ่น + ดื่มชา หรือกาแฟ ไม่มีน้ำตาล
          มื้อกลางวัน :ไข่ต้มกินไข่ขาว + ถั่วฝักยาว ต้ม + ดื่มชา หรือกาแฟ ไม่มีน้ำตาล
          มื้อเย็น : ผักกาดต้ม + แคนตาลูบ ต้ม + ดื่มชา หรือกาแฟ ไม่มีน้ำตาล

 วันที่ 3

          มื้อเช้า : ปลาทูน่า + ส้มเขียวหวาน ขนาดเล็ก 1 ผล + ดื่มชา หรือกาแฟ ไม่มีน้ำตาล
          มื้อกลางวัน :แกงส้ม กินแต่ผัก + กินเปลือกกุ้ง + ดื่มชา หรือกาแฟ ไม่มีน้ำตาล
          มื้อเย็น : ขนมปังปิ้งจนแห้ง + ลูกพรุนแห้ง 2 ผล + ดื่มชา หรือกาแฟ ไม่มีน้ำตาล

         ระหว่างนี้ห้ามทานของมัน หรือของทอดเด็ดขาด หลังจากรับประทานครบ 3 วันแล้ว สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ

สูตรลดน้ำหนัก สูตรที่ 3: สูตรลดน้ำหนัก 3 วัน

         นี่ก็เป็นสูตรลดน้ำหนัก 3 วัน อีกเช่นกัน สำหรับสาวใจร้อน อยากลดน้ำหนักเร็ว ๆ โดยทั้งสามวัน คุณสาว ๆ ต้องรับประทานอาหารดังนี้

 วันที่ 1

          มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ส้มโอ 1/2 ผล ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ถั่วเหลืองในซอสมะเขือเทศ
          มื้อกลางวัน : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ปลาทูน่า 4 ออนซ์ (ประมาณ 115 กรัม)  ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
          มื้อเย็น : แฮม 2 แผ่น ถั่วฝักยาวต้ม 4 ออนซ์ ไอศกรีมวนิลา 4 ออนซ์ บีทรูทต้ม 4 ออนซ์
 
 วันที่ 2

          มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ไข่ต้ม 1 ฟอง กล้วยหอม 1/2 ผล
          มื้อกลางวัน : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล แคร๊กเกอร์ (แบบเค็ม) 5 แผ่น Coltage Cheese (คล้ายโยเกิร์ต) 120 กรัม
          มื้อเย็น : แฮม 2 แผ่น บร็อคคอลรี่ต้ม 4 ออนซ์ แครอทต้ม 4 ออนซ์ ไอศกรีมวนิลา 4 ออนซ์ กล้วยหอม 1/2 ผล
 
 วันที่ 3

          มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล แคร๊กเกอร์ (แบบเค็ม) 5 แผ่น Cheddar Cheese 1 แผ่น แอ๊ปเปิ้ล 1 ผล
          มื้อกลางวัน : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ไข่ต้ม 1 ฟอง
          มื้อเย็น : ปลาทูน่า 4 ออนซ์ บีทรูทต้ม 4 ออนซ์ ไอศกรีมวนิลา 4 ออนซ์ ดอกกระหล่ำต้ม 4 ออนซ์ แคนตาลูป 1/2 ผล

หมายเหตุ

          1. ขนมปังปิ้งต้องปิ้งจนแห้ง ห้ามทาเนยหรือมาการีน
          2. แคร๊กเกอร์ต้องเป็นรสเค็ม
          3. ปลาทูน่าและถั่วฝักยาวสามารถแช่แข็งได้
          4. อาหารชุดนี้จะทำปฏิกิริยาทางเคมีซึ่งกันและกัน และพิสูจน์ได้

ข้อห้าม

          1. ห้ามเปลี่ยนแปลงหรือทดแทนอาหารอื่น ห้ามใช้เครื่องปรุงอื่น นอกจากเกลือและพริกไทย
          2. รายการใดที่ไม่ได้กำหนดไว้ชัดเจน ให้ใช้วิจารณญาณตามความเหมาะสม

         สูตรอาหารนี้ให้ใช้ติดต่อกัน 3 วัน ภายใน 3 วัน ควรลดน้ำหนักได้ 10 ปอนด์ หรือประมาณ 4.5 กิโลกรัม หลังจาก 3 วัน สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติค่ะ



 สูตรลดน้ำหนัก สูตรที่ 4 : สูตรลดน้ำหนัก 7 วัน

         สาว ๆ ที่สนใจ สูตรลดน้ำหนัก 7 วัน ควรจัดอาหารรับประทานดังนี้

 วันที่ 1

          มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง กับผักต้ม
          มื้อเย็น : สเต็กกับสลัดผักน้ำใส และผลไม้

 วันที่ 2

          มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกับขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น
          มื้อกลางวัน : สเต็กหรือเนื้อหมู เนื้อวัวย่างก็ได้ กับสลัดผักเขียวและผลไม้
          มื้อเย็น : แฮมแผ่นต้มปริมาณเท่าใดก็ได้

 วันที่ 3

          มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกับขนมปังโฮลวีต 2 แผ่น
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง และสลัดกับแครอท
          มื้อเย็น : แฮมแผ่นต้มปริมาณเท่าใดก็ได้

 วันที่ 4

          มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกับขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 1 ฟองกับแครอทต้ม
          มื้อเย็น : ผลไม้และโยเกิร์ตรสธรรมชาติ

 วันที่ 5

          มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
          มื้อกลางวัน : ปลาเผาหรือปลาย่างกับผักต้ม
          มื้อเย็น : สเต็ก หรือเนื้อย่างไม่ติดมัน กับสลัดผักสดน้ำใส

 วันที่ 6

          มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
          มื้อกลางวัน : ไก่ย่างไม่ติดหนัง
          มื้อเย็น : ไข่ต้ม 2 ฟอง กับแครอทต้ม

 วันที่ 7

          มื้อเช้า : กาแฟหรือชาบีบมะนาว แต่ไม่ใส่น้ำตาล
          มื้อกลางวัน : ผลไม้อะไรก็ได้ในปริมาณต้องการ
          มื้อเย็น : อะไรก็ได้ทุกอย่างที่อยากทาน ไม่จำกัดปริมาณ



 สูตรลดน้ำหนัก สูตรที่ 5 : สูตรลดน้ำหนัก ใน 13 วัน

         มาลองดูกันหน่อย สูตรลดน้ำหนัก ใน 13 วันมีอะไรบ้างเอ่ย

 วันที่ 1

          มื้อเช้า : กาแฟดำ 1 ถ้วย
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง /ผักกาดต้ม 3 ขีด /มะเขือเทศสด 1 ผล
          มื้อเย็น : เนื้อไก่อบ 2 ขีด /สลัด /น้ำมะนาว

 วันที่ 2

          มื้อเช้า : กาแฟดำ 1 ถ้วย
          มื้อกลางวัน : เนื้อหมูอบ 2.5 ขีด /โยเกริ์ต 1 ถ้วย
          มื้อเย็น: เนื้อไก่อบ 2 ขีด /สลัด /น้ำมะนาว /ผลไม้ 1 ผล

 วันที่ 3

          มื้อเช้า : กาแฟดำ 1 ถ้วย/ ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง /เนื้อหมูอบ 1 ขีด / สลัด /น้ำมะนาว
          มื้อเย็น : คื่นช่ายต้มสุก 3 ขีด/ มะเขือเทศ 1 ผล /ผลไม้ 1 ผล

 วันที่ 4

          มื้อเช้า : กาแฟดำ 1 ถ้วย /ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
          มื้อกลางวัน : น้ำส้มคั้น 1 แก้ว/ โยเกริ์ต 1 ถ้วย
          มื้อเย็น : ไข่ต้มแข็ง 1 ฟอง / แครอทสด 1 หัว/นมจืด 1 กล่อง

 วันที่ 5

          มื้อเช้า : แครอทสด 1 หัว(ราดด้วยน้ำมะนาว)
          มื้อกลางวัน : เนื้อปลากะพงนึ่ง 2 ขีด
          มื้อเย็น : เนื้อไก่อบ 2 ขีด /สลัด

 วันที่ 6

          มื้อเช้า : กาแฟดำ 1 ถ้วย/ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง/ แครอทสด 1 หัว
          มื้อเย็น : เนื้อไก่อบ 2 ขีด/ สลัด /น้ำมะนาว

 วันที่ 7

          มื้อเช้า : ชา 1 ถ้วยไม่ใส่น้ำตาล/ ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
          มื้อกลางวัน : น้ำเปล่าอย่างเดียว
          มื้อเย็น : หมูอบ 2 ขีด / ผลไม้ 1 ผล

 วันที่ 8

          มื้อเช้า : กาแฟดำ 1 ถ้วย
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง /ผักกาดต้ม 3 ขีด /มะเขือเทศสด 1 ผล
          มื้อเย็น : เนื้อไก่อบ 2 ขีด /สลัด /น้ำมะนาว

 วันที่ 9

          มื้อเช้า : กาแฟดำ 1 ถ้วย
          มื้อกลางวัน : เนื้อหมูอบ 2.5 ขีด /โยเกริ์ต 1 ถ้วย
          มื้อเย็น : เนื้อไก่อบ 2 ขีด /สลัด /น้ำมะนาว /ผลไม้ 1 ผล

 วันที่ 10

          มื้อเช้า : กาแฟดำ 1 ถ้วย/ ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง /เนื้อหมูอบ 1 ขีด / สลัด /น้ำมะนาว
          มื้อเย็น : คื่นช่ายต้มสุก 3 ขีด/ มะเขือเทศ 1 ผล /ผลไม้ 1 ผล

 วันที่ 11

          มื้อเช้า : กาแฟดำ 1 ถ้วย /ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
          มื้อกลางวัน : น้ำส้มคั้น 1 แก้ว/ โยเกริ์ต 1 ถ้วย
          มื้อเย็น : ไข่ต้มแข็ง 1 ฟอง / แครอทสด 1 หัว/นมจืด 1 กล่อง

 วันที่ 12

          มื้อเช้า : แครอทสด 1 หัว(ราดด้วยน้ำมะนาว)
          มื้อกลางวัน : เนื้อปลากะพงนึ่ง 2 ขีด
          มื้อเย็น : เนื้อไก่อบ 2 ขีด /สลัด

 วันที่ 13

          มื้อเช้า : กาแฟดำ 1 ถ้วย/ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง/ แครอทสด 1 หัว
          มื้อเย็น : เนื้อไก่อบ 2 ขีด/ สลัด /น้ำมะนาว

สำหรับสูตรลดน้ำหนัก 13 วันนี้ มีข้อห้ามด้วยนะคะ สำคัญมาก ๆ คือ

          ใน 13 วันนี้ ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เบียร์ เหล้า ไวน์ หมากฝรั่ง หรือขนมที่มีรสหวานเด็ดขาด

          หากเผลอทานนอกเหนือจากสูตร และต้องการจะเริ่มควบคุมอาหารใหม่อกครั้ง ต้องเริ่มทานสูตรนี้ใหม่ หลังจาก 6 เดือนไปแล้ว

          หากควบคุมอาหารตามสูตรได้แล้วถึงวันที่ 6 แต่ล้มเหลว จะสามารถเริ่มทานอาหารสูตรนี้ใหม่ได้ เมื่อผ่าน 3 เดือนไปแล้ว

          หากทานอาหารตามสูตรนี้ได้ครบ 13 วันแล้ว ยังต้องการจะควบคุมอาหารอีก ควรทำหลังจาก 1 ปีไปแล้ว หรือถ้าเลย 2 ปีไปได้ จะดีที่สุดค่ะ

นอกจากนี้ สูตรลดน้ำหนัก 13 วัน ยังมีรายละเอียดปริมาณอาหารที่กำหนดไว้คือ

          1.กาแฟดำ.. ให้ใส่น้ำตาลได้ 1 ช้อน ถ้าไม่ใส่ได้ จะดีที่สุดค่ะ
          2.ผักต้ม.. ถ้าใช้ผักขมไทยได้จะดีมาก หรือถ้าหาไม่ได้ก็ใช้ผักกาดขาว หรือผักกวางตุ้งแทนก็ได้
          3.มะเขือเทศสด.. ถ้าผลใหญ่ให้ทาน 1 ผล ถ้าผลเล็กให้ทาน 2-3 ผล
          4.เนื้อไก่อบ..ใช้เนื้อสัน หรือเนื้อหน้าอกที่ไม่ติดมันหรือหนังเลย 2 ขีด ส่วนเนื้อหมูก็ต้องไม่ติดมันเลยเหมือนกัน
          5.สลัด..ใช้ผักกาดหอม 1 ต้นเล็ก หอมใหญ่ 1 หัว แตงกวา 2 ลูก นำมาหั่นรวมกันจะได้ประมาณ 1 จาน แล้วราดด้วยน้ำสลัดใสเท่านั้น 1 ถ้วย (ประมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะ)
          6.น้ำมะนาว..ใช้มะนาวสด 1-2 ลูก คั้นเอาน้ำ แล้วชงน้ำร้อนใส่เกลือ (ใส่น้ำแข็งก็ได้)
          7.โยเกิร์ต..รสจืด (รสธรรมชาติ) จะดีที่สุด
          8.ผลไม้สด 1 ผล..ให้เลือกทานคือ ส้ม ชมพู่ แอปเปิ้ล ฝรั่ง หรือผลไม่ที่ไม่เป็นแป้งและต้องไม่หวาน
          9.ปลานึ่ง..ใช้ปลาช่อนแทนปลากระพงได้ แต่ไม่ว่าปลาอะไรก็จะต้องไม่ติดหนังเลย
          10.ไข่ต้ม..ต้องต้มให้สุกๆ เลยค่ะ
          11.น้ำเปล่าดื่มได้ทั้งวัน วันละ 1-2 ลิตร ถ้าหิว..ให้ดื่มน้ำเปล่าได้อย่างเดียว "เท่านั้น" เพราะน้ำเปล่าสามารถดื่มได้ทั้งวัน เท่าไหร่ก็ได้ค่ะ



 สูตรลดน้ำหนัก สูตรที่ 6: สูตรลดน้ำหนัก ใน 2 สัปดาห์

         หากสาวใดคิดว่า 3 วัน 7 วัน เร็วไป กลัวไม่ได้ผลล่ะก็ มาลอง สูตรลดน้ำหนัก 2 สัปดาห์กันดีกว่า โดยตลอด 2 สัปดาห์ ให้จัดมื้ออาหาร และปฏิบัติตัวดังนี้

          1. มื้อเช้ากินไข่ต้ม 1 ฟองหรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
          2. มื้อกลางวันกินสลัดผัก 1 จาน หรือส้มตำ 1 จาน (อย่าปรุงรสหวานนะคะ)
          3. มื้อเย็นกินแอปเปิ้ล 1 ผล หรือแฮมนึ่ง 1 แผ่น
          4. งดอาหารหลัง 6 โมงเย็น ถ้าหิวให้ดื่มน้ำมากๆ แทน
          5. เต้นแอโรบิก 60 นาที 4 ครั้งต่อสัปดาห์

         ทำตามนี้ทุกวัน เป็นเวลา 2 สัปดาห์ รับรองว่า น้ำหนักส่วนเกินของคุณสาวๆ หายไปในพริบตาแน่นอน

 สูตรลดน้ำหนัก สูตรที่ 7  : สูตรลดน้ำหนัก ใน 2 สัปดาห์

         นี่ก็เป็น สูตรลดน้ำหนัก ในสองสัปดาห์อีกเช่นกัน โดยแต่ละวันให้จัดอาหาร คือ

 วันที่ 1

          มื้อเช้า : กาแฟไม่ใส่น้ำตาล
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง และ ผักขมจีน นำไปทำอะไรก็ได้ โดยใส่เกลือน้อยๆ
          มื้อเย็น : เนื้อสันทอดน้ำมันน้อย ๆ (น้ำมันมะกอกจะดีที่สุด) , สลัดผักเขียว และผลไม้อะไรก็ได้ตามต้องการ

 วันที่ 2

          มื้อเช้า : กาแฟดำ และ ขนมปัง 1 ก้อน (ขนมปังปกติ 3 แผ่น)
          มื้อกลางวัน : สเต็กก้อนใหญ่ และ สลัดผักเขียว และ ผลไม้ตามใจชอบ
          มื้อเย็น : แฮมต้มตามต้องการ

 วันที่ 3

          มื้อเช้า : กาแฟดำ และ ขนมปังก้อน 2 ก้อน
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง และ สลัดมะเขือเทศตามต้องการ
          มื้อเย็น : แฮมต้มตามต้องการ

 วันที่ 4

          มื้อเช้า : กาแฟดำ และ ขนมปังก้อน 1 ก้อน
          มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 1 ฟอง และ หัวแครอทต้มกินกับเนยแข็ง (เนยสวิส)
          มื้อเย็น : ผลไม้ และ โยเกิร์ตเปรี้ยว

 วันที่ 5

          มื้อเช้า : แครอทต้มใส่น้ำมะนาว และกาแฟดำ
          มื้อกลางวัน : ปลานึ่ง และ มะเขือเทศ
          มื้อเย็น : สเต็ก และ สลัดผักเขียว

 วันที่ 6

          มื้อเช้า : กาแฟดำ และ ขนมปังก้อน 1 ก้อน
          มื้อกลางวัน : ไก่ย่างตามต้องการ
          มื้อเย็น : ไข่ต้ม 2 ฟอง และ แครอทต้ม

 วันที่ 7

          มื้อเช้า : ชาใส่มะนาว
          มื้อกลางวัน : ผลไม้ตามต้องการ
          มื้อเย็น : รับประทานอาหารตามปกติ

         พอวันที่ 8 ก็ให้ย้อนกลับไปรับประทานอาหารตามวันที่ 1 ใหม่ หากทำครบ 2 สัปดาห์แล้ว สาว ๆ ควรจะลดน้ำหนักลงไปได้อย่างน้อย 7 กิโลกรัมค่ะ และที่สำคัญระหว่างลดน้ำหนัก ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และน้ำอัดลมเด็ดขาดค่ะ

 สูตรลดน้ำหนัก สูตรที่ 8 : สูตรลดความอ้วนจากฝรั่งเศส 24 วัน

         สูตรนี้ส่งตรงมาจากเมืองน้ำหอมเลยทีเดียว กับสูตรลดความอ้วน 24 วัน โดย อาหารของเก้าวันแรก ประกอบด้วย

          มื้อเช้า : ส้มโอ และกาแฟ หรือชา

          มื้อกลางวัน : เป็นเนื้อสัตว์ล้วน ๆ ไม่มีข้าว ไม่มีผัก ไม่มีนม และไข่ สามารถใส่ซอสได้ กินได้มากเท่าที่ต้องการไม่จำกัด แต่มีข้อแม้ว่าในหนึ่งมื้อให้กินเนื้อสัตว์เพียงชนิดเดียวเท่านั้นค่ะ เช่น หมูล้วน ไก่ล้วน ปลาล้วน เพื่อให้กระเพาะอาหารสามารถทำงานได้ดี มากกว่าการกินปนกันที่จะทำให้กระเพาะอาหารทำงานหนักขึ้น โดยเนื้อสัตว์นั้น เนื้อหมูจะมีไขมันมากที่สุด ตามมาด้วยเนื้อวัว ส่วนอาหารทะเลจะมีไขมันน้อย นอกจากนี้อาหารต้ม นึ่ง เผา จะมีแคลอรีน้อยกว่าอาหารทอด เช่นนั้นแล้ว ลองเลือกดูนะคะว่า จะทานอะไร

         อาหารแนะนำคือสเต็กพริกไทย ปลาสำลีเผา กุ้งอบเกลือ สตูว์เนื้อไม่ใส่ผัก ปลากระพงย่างบีบมะนาว หมูทอดกระเทียม แกงจืดหมูสับล้วน ระวังอย่ากินผักและข้าวเป็นพอ

          มื้อเย็น : ให้กินแต่ข้าวกล้องล้วน ๆ แต่สามารถเติมซอสได้ ผัดกับกระเทียมได้ ใส่ซีอิ้ว พริกไทยได้หมดค่ะ แต่ห้ามไม่ให้มีนมกับไข่ผสมเด็ดขาด ผักและเนื้อสัตว์กินไม่ได้เช่นกัน อาหารแนะนำ คือ ข้าวผัดกระเทียมใส่ซีอิ๊วขาว ข้าวผัดกะปิ ข้าวคลุกมันกุ้ง ข้าวผัดมันปู ข้าวคลุกน้ำพริกตาแดง ข้าวคลุกน้ำพริกต่าง ๆ ข้าวคลุกพริกป่นบีบมะนาว

         สามวันต่อมา แม้ว่า น้ำหนักของคุณสาวๆ จะเริ่มลดไปบ้างแล้ว แต่ยังหยุดไม่ได้ค่ะ ต้องรับประทานต่อ โดย มื้อเช้ายังคงเหมือนเดิมค่ะ ส่วนมื้อกลางวันและเย็นเป็นผลไม้ล้วน ๆ ห้ามมีอย่างอื่นมาเกี่ยวข้อง จะทานผลไม้อะไรก็ได้ ทุเรียน มะม่วง ก็ไม่ว่า (แต่น้ำหนักอาจลดน้อยกว่าที่ควร) และต้องกินเป็นมื้อ อย่ากินจุบจิบ

         เก้าวันชุดที่ 2 อาหารเช้าเหมือนเดิมค่ะ ส่วนมื้อที่เหลือเป็นผักล้วน มันฝรั่ง เผือก ข้าวโพด ทานได้ค่ะ อาหารแนะนำ ได้แก่ คะน้าผัดน้ำมันหอย ผักนึ่งจิ้มน้ำพริก ผัดผักทุกอย่าง สลัดผักน้ำใส (ที่ไม่ใส่นม ไข่ และน้ำตาล)

         และสามวันสุดท้าย มื้อเช้าเหมือนเดิมค่ะ ส่วนมื้อกลางวันและเย็นให้ทานเป็นผลไม้ล้วนๆ

         ถ้าทำได้ครบและเคร่งครัด รับรองว่า น้ำหนักของคุณสาว ๆ ลดได้แน่ ๆ เลย แต่มีควรข้อระวังนะคะ หากนับวันผิด หรือเผลอทานนอกเหนือจากที่กำหนดไป ก็ต้องกลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกค่ะ และถ้าครบ 24 วันแล้ว ก็สามารถกลับไปทานอาหารแบบเดิมได้  แต่ถ้าอยากผอมตลอด โดยไม่อยากควบคุมปริมาณอาหาร ก็สามารถใช้วิธีนี้ได้คือ

          หากจะทานเนื้อ ให้ทานเนื้อชนิดเดียวกัน และให้กินร่วมกับผัก ห้ามกินรวมกับพวกแป้ง

          หากจะกินอาหารพวกแป้ง เช่น ข้าว ก็ไม่ควรทานพร้อมกับโปรตีน ให้ทานกับผักแทน

          ผลไม้จะทานในปริมาณเท่าไหร่ก็ได้ค่ะ เพราะเป็นอาหารที่ใช้เวลาอยู่ในกระเพาะน้อย แต่เป็นอาหารหนัก ทำให้อิ่มนาน ดังนั้นเพื่อสุขภาพควรทานผลไม้ก่อนทานอาหารหลัก ประมาณ 15-30 นาที เพื่อให้ผลไม้ไปตัดกำลังอาหารหลักนั่นเอง เราก็จะทานอาหารได้น้อยลง



 สูตรลดน้ำหนัก สูตรที่ 9 : สูตรลดน้ำหนักใน 1 เดือน

         ใครชอบสูตรลดน้ำหนักระยะยาว ต้องลองสูตรลดน้ำหนัก ใน 1 เดือนค่ะ โดยจะมีรายการอาหารเช้า กลางวัน เย็น และผลไม้ ให้เลือกเป็นข้อ ๆ แต่ละวันก็เลือกมามื้อละ 1 ข้อ และผลไม้ 1 อย่างค่ะ ส่วนผักจะทานเท่าไหร่ก็ได้ ไม่จำกัดจำนวน ส่วนอาหารแต่ละมื้อ มีอะไรให้เลือกบ้าง ไปดูกัน

 มื้อเช้า

          1. กาแฟดำ 1 ถ้วย และ ขนมปังโฮลวีท 1 แผ่น
          2. นมพร่องมันเนย 1 แก้ว และ ขนมปังโฮลวีท 1 แผ่น
          3. โยเกิรต์ไขมันต่ำ 1 ถ้วย
          4. ขนมปังทาน้ำผึ้ง 1 แผ่น
          5. ข้าวต้มไก่, กุ้ง 1 ถ้วย ไม่ใส่น้ำมัน หรือ กระเทียมเจียว (ข้าวปริมาณ 1 ทัพพีเล็ก)
          6. ผลไม้

 มื้อกลางวัน และมื้อเย็น

          1. ข้าวสวย 1 ทัพพี และ แกงส้ม, แกงเลียง, แกงป่า (เลือกมา 1 อย่าง แต่ห้ามทานแกงกะทิเด็ดขาด)
          2. ข้าวสวย 1 ทัพพี และ ต้มจืดตำลึง (อาจเปลี่ยนเป็นผักอย่างอื่นก็ได้ ไม่ใส่น้ำมัน)
          3. ข้าวสวย 1 ทัพพี และ เกาเหลาผักเยอะๆ 1 ถ้วย
          4. ข้าวสวย 1 ทัพพี และ น้ำพริก, ผักสด, ผักลวก (ไม่จำกัดปริมาณผัก)
          5. ข้าวสวย 1 ทัพพี และ ไข่ต้ม 1 ฟอง และผักไม่จำกัดปริมาณ
          6. ขนมจีน 1 จับ และ น้ำยาป่า และ ผักไม่จำกัดปริมาณ (ห้ามทานน้ำกะทิ)
          7. ข้าวเหนียว 1 ปั้น และ ส้มตำไม่ใส่น้ำตาล ไก่ย่าง 1 ไม้ ไม่ติดมัน และหนัง
          8. สลัดผัก (ไก่, กุ้ง, ไข่) โดยน้ำสลัดต้องเป็นน้ำใสถ้าจะเป็นน้ำข้นต้องเป็นชนิดไขมันต่ำ 1 จาน
          9. สเต็ก หมู, ไก่, ไม่ติดมัน และ ผักไม่จำกัดปริมาณ
          10. ผลไม้

 ผลไม้

          1. สัปปะรด 1 จานเล็ก
          2. ส้มโอ 1 จานเล็ก
          3. ฝรั่ง 1 ลูก
          4. ส้มเขียวหวาน 2 ลูก
          5. แอปเปิ้ล 1 ลูก
          6. แตงโม 1 จานเล็ก
          7. มะละกอ 1 จาน

         สูตรนี้ไม่จำกัดระยะเวลาค่ะ แต่ควรทานติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1 เดือน และงดอาหารจุบจิบ อาหารหวาน เครื่องในสัตว์ น้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด ถ้าลองปฏิบัติตามนี้แล้ว ในเวลา 1 เดือน ควรลดน้ำหนักได้อย่างน้อย 5-8 กิโลกรัม

         มีสูตรลดน้ำหนัก ให้สาว ๆ ลองเลือกขนาดนี้ ใครชอบ สูตรลดน้ำหนัก ไหนก็ลองเลือกใช้ เลือกปฏิบัติกันดูนะคะ แต่ที่สำคัญคือต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อจะได้เห็นผลที่ชัดเจนค่ะ
วิธีลดความอ้วน สามามรถดูได้ที่ http://www.thlive.com/12538-how-to-lose-weight.html

วิธีลดความอ้วน

วิธีลดความอ้วน
ปัญหาโรคอ้วน เกร็ดความรู้วิธีลดความอ้วน
ปัญหาโรคอ้วน เกร็ดความรู้วิธีลดความอ้วน

          อยากลดหุ่นให้เข้าที่หรือ? ง่าย ๆ เลยค่ะ ลองเลือกทำตามวิธีลดความอ้วน ที่กระปุกดอทคอมนำฝากในวันนี้ ดูสิว่า วิธีไหนเหมาะสมกับคุณบ้าง หรือจะเลือกใช้ทุกวิธี เอาให้ผอมทันใจก็ย่อมได้ รับรองว่าดีต่อสุขภาพค่ะ

 1.รับประทานผัก-ผลไม้มาก ๆ

          อย่าละเลยการรับประทานผัก-ผลไม้เด็ดขาดค่ะ เพราะผักผลไม้มีทั้งเส้นใย และสารอาหารต่าง ๆ ที่ดีกับคุณสาว ๆ แถมทานมากเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนด้วย

 2. หลีกเลี่ยงการทานอาหารทอด ๆ และติดมัน

          อาหารทอด ๆ มาพร้อมกับน้ำมันที่จะมาทำให้คุณอวบอั๋นขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เช่นเดียวกับอาหารเนื้อสัตว์ติดมัน เช่น กุนเชียง หมูสามชั้นทอดกรอบ หนังไก่ กากหมู ถ้าไม่อยากอ้วน อดใจไว้ค่ะ

 3.ทานดาร์กช็อกโกแลต

          ใช่ค่ะ คุณหูไม่ฝาด เรากำลังแนะนำให้คุณทานช็อกโกแลต แต่ไม่ใช่ว่าช็อกโกแลตทั่ว ๆ ไปก็ทานได้หรอกนะคะ ต้องเป็นดาร์ก ช็อกโกแลตเท่านั้น ถึงจะมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์ และเป็นประโยชน์กับร่างกายของคุณสาว ๆ

 4. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

          แทบจะทุกบทความ ที่แนะนำให้คุณดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8-12 แก้ว เพราะน้ำจะช่วยเร่งระบบการเผาผลาญ จึงช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินให้คุณด้วย ซ้ำยังช่วยให้คุณอิ่มเร็วขึ้นด้วย หากคุณดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนทานอาหารทุกครั้ง แต่อย่าชะแว้บ! ไปมอง "น้ำอัดลม" หรือ "น้ำผลไม้" เชียว ยกเว้น "น้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง" ที่เราแนะนำให้คุณดื่มได้

 5.ดื่มน้ำอย่างน้อย 1 แก้วหลังตื่นนอน

          จำ และทำให้เป็นนิสัย เพราะการดื่มน้ำอย่างน้อย 1 แก้ว ทันทีหลังจากที่คุณเพิ่งตื่นนอน จะทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังจะช่วยให้ระบบขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายทั้งหนักทั้งเบา ทำงานได้อย่างคล่องตัว

 6.ทานอาหารเช้า

          จำได้ไหมว่า อาหารเช้าคืออาหารมื้อสำคัญที่สุดของวัน ถ้าหากคุณสาว ๆ พลาดอาหารเช้าในช่วงเวลา 6.00-10.00 น.ไปล่ะก็ คุณอาจจะรู้สึกหิวในมื้อต่อ ๆ ไปมากขึ้น ทีนี้ล่ะ คุณอาจจะเผลอตัวเผลอใจสวาปามอาหารที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่ยั้ง แล้วจะลดน้ำหนักได้อย่างไรล่ะจ๊ะ

 7.กินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน

          การไดเอท ไม่ได้สำคัญที่ว่าคุณทานอะไรเข้าไป แต่สำคัญที่ว่า ทำไมคุณถึงทานเข้าไปต่างหาก ฉะนั้นแล้ว หากใครชอบกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ เพียงเพื่ออยากทานสิ่งนั้น จงเปลี่ยนพฤติกรรมด่วนค่ะ ทานให้แต่พออิ่มจะดีกว่า และควรทานเมื่อเวลาที่หิวจริง ๆ



 8.ออกกำลังกายสำคัญสุด ๆ

          แน่นอนว่า หนึ่งในวิธีที่คนทั่วโลกแนะนำก็คือ การออกกำลังกายนี่แหละ เพราะมันจะช่วยรักษาน้ำหนักให้คงที่ในระยะยาวได้ แถมยังจะช่วยให้คุณเผาผลาญแคลอรีให้กลายเป็นพลังงานได้คราวละมาก ๆ ด้วย หากคุณสาว ๆ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ลองหาเวลาเดินวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน นอกจากคุณจะควบคุมน้ำหนักได้ดีแล้ว ยังจะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงอีกด้วยล่ะ

 9.หาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ไดเอท

          เขาว่า "คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย" ใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้น อย่ามาท้อแท้กับการไดเอทเพียงลำพังเลย ลองหาเพื่อนที่มีแนวคิดเดียวกัน แล้วชวนมาลดความอ้วนด้วยกันดีกว่า เพราะการมีเพื่อนหัวอกเดียวกัน จะทำให้คุณมีกำลังใจขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ

 10.อย่ากักตุนอาหารในตู้เย็น

          สาว ๆ มักจะชอบซื้ออะไรต่อมิอะไรมาเก็บไว้ในตู้เย็น อ้างว่าเตรียมไว้รับรองแขกบ้าง ไว้เลี้ยงเพื่อนบ้างล่ะ แต่สุดท้ายก็มักจะเหลือเต็มตู้เย็น จนคุณสาว ๆ นั่นแหละต้องมาทานเอง เพราะฉะนั้น หากไม่อยากอ้วน กำจัดของกินในตู้เย็นโดยด่วน คุณจะได้ไม่เผลอหยิบติดมือมาทานได้ง่ายเกินไปนั่นเอง แต่ถ้าอยากจะมีอาหารติดในตู้เย็น แนะนำว่า ผักผลไม้ และบรรดาอาหารเพื่อสุขภาพทั้งหลายจะเวิร์กที่สุดค่ะ

 11.อย่ากินไป ดูทีวีไป

          รู้หรอกน่า ว่าคุณสาว ๆ ชอบกินนั่น กินนี่ กินจุบกินจิบทั้งวันไม่เป็นเวลา โดยเฉพาะเวลานั่งดูโทรทัศน์ หรือนั่งอ่านหนังสือ มักจะหาอะไรติดไม้ติดมือเข้าปากเป็นประจำ แต่นั่นแหละค่ะ การที่คุณสาว ๆ หยิบคุ้กกี้บ้าง ขนมปังกรอบบ้าง มันฝรั่งทอดบ้าง เข้าปากแต่ละที คุณจะเพลินจนลืมเรื่อง "อ้วน" ไปชั่วขณะเลยทีเดียว

 12.ใส่ใจ "ข้าวกล้อง" กันให้มากขึ้น

          ปกติเรามักจะชินกับการรับประทาน "ข้าวขาว" ซึ่งจะได้เพียงแค่คาร์โบไฮเดรตเท่านั้น แต่หากคุณเปลี่ยนมาทาน "ข้าวกล้อง" แทน คุณจะได้ทั้งคาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่มากมายจากเยื่อหุ้มและจมูกข้าวที่ไม่ได้ถูกขัดสีออกไป




 13."น้ำตาล" และ "เกลือ" จอมวายร้าย

          "น้ำตาล" เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณมีปัญหาเรื่องน้ำหนัก เพราะฉะนั้นบรรดาของหวาน ลูกอม น้ำอัดลม เค้กต่าง ๆ จงงดเสีย!!! ให้ดื่มน้ำมะนาวแทน หรือทานน้ำตาลที่มาจากผลไม้จะดีกว่า เช่นเดียวกับ "เกลือ" ที่เราควรได้รับโซเดียมวันละไม่เกิน 1 ช้อนชาเท่านั้น แต่เกลือ หรือโซเดียมที่ผสมอยู่ในขนมต่าง ๆ อาหารฟาสต์ฟู้ดส์ รวมทั้งซุปที่ทานเข้าไปในแต่ละวัน ล้วนเกินปริมาณที่กำหนด จึงเป็นสาเหตุให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง และทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพมากมายตามมาได้ เพราะฉะนั้น ลดซะ!!!

 14.ระวัง!!! สลัดน้ำข้น

          คุณสาว ๆ หลายคนอาจสงสัย ทำไมทานสลัดอยู่ทุกวัน ๆ ยังอ้วนอีก เพราะลืมไปว่า ตัวเองทานผักสลัดกับสลัดน้ำข้นนั่นไงล่ะ รู้ไหมว่า สลัดน้ำข้นนั้นอุดมไปด้วยครีมนม และไขมันนม ซึ่งหากรับประทานเข้าไปมาก ๆ แม้จะทานกับผักก็เถอะ ร้อยทั้งร้อย "อ้วน" อย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ

 15.สรรหาจานสีเข้ม ๆ

          มีผลการศึกษาระบุว่า การใช้จานอาหารสีสดใสจะช่วยกระตุ้นให้คุณอยากทานอาหารมากขึ้น กลับกันหากคุณใช้จานอาหารสีเข้ม ๆ โดยเฉพาะสีน้ำเงิน จะทำให้คุณลดความอยากอาหารลงไปได้ และนี่เองจะช่วยสกัดกั้นไม่ให้คุณทานมาก จะได้ไม่ต้องลดน้ำหนักอย่างเอาเป็นเอาตายภายหลังอย่างไรล่ะคะ

 16. ใช้ภาชนะให้เล็กลง

          นอกจากใช้ภาชนะสีเข้ม ๆ แล้ว การเปลี่ยนจานให้เล็กลง ก็เป็นวิธีทางจิตวิทยา ที่ทำให้เรารู้สึกว่า อาหารมีปริมาณมากขึ้น ทำให้เรารู้สึกอิ่มได้เร็ว ไม่อยากหาอะไรทานอีก



 17.ลด "ชา" , "กาแฟ" , "ครีมเทียม"

          การรับประทาน "ชา" , "กาแฟ" มากกว่าสองแก้วต่อวัน อาจทำให้คุณอ้วนได้ โดยเฉพาะหากใครชอบใส่ "ครีมเทียม" ในกาแฟ จะทำให้คุณได้รับแคลอรี่มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว รวมทั้งกาแฟสดทั้งหลายด้วยล่ะ

 18.เคี้ยวช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม

          การเคี้ยวอาหารช้า ๆ และเคี้ยวอย่างละเอียด ช่วยคุณสาว ๆ ลดความอ้วนได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะจะทำให้สมองมีเวลาที่จะส่งสัญญาณไปบอกให้ท้องรู้สึกอิ่มได้แล้ว กลับกันคนที่เคี้ยวเร็ว กินเร็ว จะไม่รู้สึกอิ่มแม้ทานอาหารหมดจานแล้ว และเมื่อท้องไม่อิ่ม คุณสาว ๆ ก็มักจะมองหาของหวานตบท้ายมื้ออาหาร ซึ่งจะนำความอ้วนมาสู่ร่างกายของคุณอย่างชัวร์ ๆ

 19.หลีกเลี่ยงไข่แดง ให้ทานไข่ขาว

          ไข่แดง อุดมไปด้วยคอเลสเตอรอล ที่เป็นบ่อเกิดของโรคหัวใจ และโรคอ้วน แต่ไข่ขาวไม่มีคอเลสเตอรอล ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานไข่แดง หรือทานในปริมาณน้อย และหันมาทานไข่ขาวแทน นอกจากนี้ หากวันไหนทานไข่มาก ๆ ก็ควรงดการทานอาหารที่มีไขมันสูงในมื้ออื่น ๆ ของวันเดียวกันด้วย เพื่อไม่ให้มีคอเลสเตอรอลสะสมในร่างกายมากเกินไป

 20.อย่าให้รางวัลตัวเอง ด้วยการไปทานอาหาร

          สอบผ่าน! โปรเจกท์ผ่าน! พรีเซนต์งานผ่าน! ไปฉลองกันดีกว่า!!! หยุดความคิดนี้เลยค่ะ เพราะการที่คุณให้รางวัลกับความสำเร็จของตัวเอง ด้วยการไปรับประทานอาหารตามใจปาก อาจทำให้คุณอ้วนได้เหมือนกัน ทางที่ดีให้รางวัลกับตัวเองด้วยการทำสิ่งที่ตัวเองปรารถนา ยกเว้นเรื่องกิน!!! เช่น ไปช้อปปิ้ง ไปเที่ยวพักผ่อน นวดหน้า ทำผม ขัดผิว ฯลฯ จะดีที่สุดค่ะ



 21.จำไว้ อย่าอด

          ใช่ว่า การไดเอทคือการอดอาหาร เพราะยิ่งคุณอดอาหารเท่าไหร่ จะมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด แถมยังทำให้คุณหิวมากขึ้นมากขึ้น จนทำให้คุณสามารถทานได้มากกว่าปกติในมื้อต่อไป

 22.แบ่งทานบางส่วน ไม่ต้องทานให้หมด

          สาว ๆ หลายคนบ่นเสียดายอาหารที่อยู่ตรงหน้า ไม่อยากเหลือทิ้งไว้ แต่สำหรับกฎเกณฑ์ของการลดความอ้วน คุณไม่จำเป็นต้องทานหมดหรอกค่ะ โดยคุณควรจะแบ่งอาหารในจานไว้ 4 ส่วน แล้วทานเพียงแค่ 3 ส่วนก็เพียงพอแล้ว

 23.อย่าทานอะไรหลังมื้อเย็นอีก

          ไม่ดีแน่ หากคุณทานขนม หรืออาหารอะไรหลังจากคุณทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว ทางที่ดีคือ ควรจะให้ร่างกายได้พักผ่อนจากการย่อยอาหาร แล้วไปเริ่มทำงานใหม่ในมื้อเช้าของวันรุ่งขึ้นจะดีกว่า



 24.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

          ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะว่า หากคุณพักผ่อนนอนหลับไม่เพียงพอ อาจจะมีผลกระทบต่อฮอร์โมนเลปติน ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมความอยากอาหาร ดังนั้น อาจทำให้คุณยับยั้งชั่งใจในการรับประทานไม่อยู่ และอ้วนขึ้นได้ นอกจากนี้ หากคุณนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้ว ก็สามารถช่วยให้ร่างกายกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปได้เช่นกัน


 25. ทานหลาย ๆ มื้อ (เล็ก ๆ) ในหนึ่งวัน

          ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า การทานอาหาร 4-5 มื้อเล็ก ๆ ในแต่ละวัน จะช่วยควบคุมระบบการเผาผลาญ และความอยากอาหารได้ดีกว่าการทานอาหารมื้อปกติ 3 มื้อ โดยระหว่างมื้ออาหาร คุณอาจทานสแน็ก หรือผลไม้ เพื่อให้คุณอิ่ม และไม่หิวมากจนกระทั่งถึงมื้อต่อไป ทีนี้ในมื้อต่อไป คุณก็จะทานอาหารได้น้อยลงแล้ว

 26. โปรตีน ตัวช่วยลดความอ้วนในทุก ๆ มื้อ

          มีคำแนะนำให้ในแต่ละมื้ออาหารต้องมีอาหารประเภทโปรตีนผสมด้วย เพราะโปรตีนจะช่วยคงสภาพกล้ามเนื้อ และกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น โดยโปรตีนที่แนะนำก็คือ อาหารจำพวกถั่ว นม โยเกิร์ตนั่นเอง

 27.เผ็ดหน่อย อร่อยดี

          การศึกษาพบว่า "พริก" ช่วยเพิ่มอุณหภูมิในร่างกาย และช่วยในการเผาผลาญ จึงมีประโยชน์เรื่องการควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ การกินพริก จะไม่ทำให้รู้สึกอยากกินหวานอีก รับรองว่า กินพริกแล้ว ลืมเรื่องความอ้วนไปได้เลย

 28.ดื่มชาเขียว

          มหาวิทยาลัยสวิสเซอร์แลนด์พบว่า การดื่มชาเขียวเป็นทางหนึ่งที่ช่วยลดน้ำหนัก เพราะจะช่วยเรื่องการเผาผลาญแคลอรี่ได้ ดังนั้นควรพยายามดื่ม 3 ถ้วยต่อวัน แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า ต้องเป็นชาเขียวบริสุทธิ์จริง ๆ ไม่ใช่ชาเขียวในขวดที่มีส่วนผสมของน้ำตาลในปริมาณมาก แบบนี้ลดความอ้วนไม่ได้แน่นอนค่ะ





 29. ดื่มนม ก็ช่วยลดความอ้วน

          หากไม่ชอบดื่มชาเขียว จะลองหันมาดื่มนมก็ช่วยลดความอ้วนได้ เพราะนมเป็นแหล่งอุดมไปด้วยแคลเซียม ซึ่งมีการศึกษาพบว่า การที่ร่างกายได้รับวิตามินดีและแคลเซียมสูง จะช่วยให้น้ำหนักของเราลดลงได้ แถมนมยังทำให้เรารู้สึกอิ่มจนไม่อยากทานอาหาร หรือเครื่องดื่มอะไรที่มีน้ำตาลด้วย

 30.อ่านฉลากรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ด้วยล่ะ

          ก่อนซื้ออาหารหรือเครื่องดื่ม ลองอ่านรายละเอียดที่ติดอยู่ข้างผลิตภัณฑ์ หีบห่อ ฯลฯ ดูก่อนทุกครั้ง เพราะมันจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีแคลอรีสูง หรือไขมันสูงได้ แต่ขอย้ำว่า ยามใดที่ไปซุปเปอร์มาร์เก็ต ควรหลีกเลี่ยงการไปเดินในบริเวณที่ขายคุ้กกี้ พิซซ่าแช่แข็ง และไอศกรีม เพราะคุณอาจจะไม่ทันได้อ่านฉลากข้างกล่องก็ซื้อมันได้ง่าย ๆ เพราะติดใจในความอร่อยของมันนั่นเอง

 31..จดบันทึกประจำวันให้เป็นนิสัย

          แต่ละวันคุณกินอะไรไปบ้าง ลองจดบันทึกไว้ทุก ๆ สัปดาห์ดูสิ เพราะมันจะช่วยให้คุณยับยั้งชั้งใจ และควบคุมพฤติกรรมการรับประทานอาหารได้ดีเลยทีเดียว

 32.ทานผลไม้สด ดีกว่าผลไม้ดอง หรือน้ำผลไม้ปั่น

          น้ำผลไม้ปั่นมักผสมน้ำเชื่อม น้ำตาล ทำให้คุณสาว ๆ ได้รับน้ำตาลเกินความจำเป็น ขณะเดียวกัน ผลไม้ดอง ก็อาจมีสารแซคคารีน หรือที่เรียกว่าขัณฑสกรผสมอยู่ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้น ถ้าอยากได้วิตามินที่ครบถ้วน เลือกทานผลไม้สดดีกว่าแน่นอนค่ะ

 33.ความเครียด คือ จุดอ่อน

          รู้ไหมคะว่า เมื่อฮอร์โมนความเครียดเพิ่มขึ้น ก็ทำให้ความต้องการอาหารในร่างกายเพิ่มขึ้น หรือทำให้หิวนั่นเอง แถมหิวบ่อยชนิดที่ไม่รู้ตัวเลยด้วย เพราะคนเครียดส่วนใหญ่มักจะจมอยู่กับความเครียด จนลืมสังเกตพฤติกรรมการกินของตัวเอง ดังนั้น ทำตัวเองให้ห่างไกลจากความเครียดเถอะค่ะ

 34.หัวเราะ ช่วยลดความอ้วน

          งานวิจัยระบุว่า การหัวเราะจะทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ขณะเราหัวเราะ จะหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปได้มากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อท้องได้ออกกำลังไปในตัว




 35.ชั่งน้ำหนักอาทิตย์ละครั้ง

          ไม่จำเป็นที่คุณจะรีบร้อน ชั่งน้ำหนักตัวทุก ๆ วัน เพราะหากคุณลดไม่ได้ดังใจปรารถนาแล้ว จะยิ่งทำให้คุณเครียดเสียเปล่า ๆ เพราะฉะนั้น ชั่งน้ำหนัก และเปลือยกายสำรวจตัวเองในห้องน้ำอาทิตย์ละครั้งก็เพียงพอแล้วล่ะ

          เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับ 35 วิธีลดความอ้วน วิธีลดน้ำหนัก ที่เรานำมาแนะนำกันวันนี้ ใครถูกใจวิธีไหน ลองไปใช้กันดูนะคะ อ้อ...แล้วก็ต้องปฏิบัติตามอย่างสม่ำเสมอด้วยล่ะ ถึงจะเห็นผลเร็วค่ะ

วิธีลดความอ้วน มีหลายอย่าง สามารถอ่านได้ที่ http://www.thlive.com/12538-how-to-lose-weight.html